กนง.ส่งจกหมายเปิดผนึก ถึงรมว.คลัง แจงเงินเฟ้อสูงกว่าขอบบนของเป้าหมายกนง.ที่ 1-3% ย้ำมาจากราคาพลังงานโลกที่ปรับตัวขึ้นเป็นหลัก จากผลรัสเซียยูเครน หวังกลางปีหน้าเงินเฟ้อเข้าสู่กรอบได้
นับตั้งแต่ ต.ค.2552 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่ที่เริ่มมีการส่งจดหมายเปิดผนึก ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อชี้แจงการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อ มีเพียงปี 2565 เท่านั้นที่ “เงินเฟ้อ”ของไทย ปรับตัวสูงเกินกรอบเป้าหมายมาตลอดปี 2565 สวนทางกับอดีตที่ผ่านมา ที่เงินเฟ้อส่วนใหญ่ “ต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย”มาโดยตลอด
ครั้งนี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ของปี ที่ ธปท.ส่งจดหมายถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ถึงการเคลื่อนไหวของเงินเฟ้อทั่วไป ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และประมาณการเงินเฟ้อ12 เดือนข้างหน้า ที่สูงกว่าขอบบนของเป้าหมายนโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่ 1-3%
โดยการ ส่งจดหมายเปิดผนึก ชี้แจงการเคลื่อนไหวเงินเฟ้อ ให้กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังรับทราบ ถือเป็นข้อตกลงร่วมกัน เมื่อวันที่ 16 พ.ย. 2564 ที่กำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วง 1-3% เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายสำหรับ ปี 2565 โดยหากเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย12 เดือน และคาดการณ์ 12 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย กนง.ต้องมีจดหมายเปิดผนึกชี้แจงให้รับทราบ
เมื่อวันที่ 5 ต.ค. 2565 กระทรวงพาณิชย์ได้เผยแพร่ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของ เดือน ก.ย. อยู่ที่ 6.41% ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 5.23% ซึ่งสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินในปัจจุบัน
ประกอบกับ กนง. ได้ประเมินในการประชุมเมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12เดือนข้างหน้า (ไตรมาสที่ 4 ปี 2565 ถึง ไตรมาสที่ 3 ปี 2566) จะอยู่ที่ 3.9% ซึ่งสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมาย
ปัจจัยที่เงินเฟ้อ สูงกว่าขอบขนของกรอบเป้าหมาย กนง.ชี้แจงว่ามาจาก 3 ด้านสำคัญ 1. ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ยสูงกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน 2. ระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย และ 3. การดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสม
สำหรับปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาและประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย12 เดือนข้างหน้าสูงกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน มาจากแรงกดดัน ด้านอุปทาน (cost-push inflation) โดยเฉพาะราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นเป็นหลัก
ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ (demand-pull inflation) มีจำกัด ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าสูงกว่ากรอบเป้าหมาย ตามแรงกดดันด้านอุปทานที่ยังอยู่ในระดับสูงแม้จะทยอยลดลง ประกอบกับ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นตามการส่งผ่านต้นทุนที่มากขึ้นส่วนหนึ่งจากอุปสงค์ที่ฟื้นตัวตามแนวโน้ม เศรษฐกิจ
ส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมา อยู่ที่ 5.23% สูงกว่ากรอบเป้าหมาย มาจากปัจจัยด้านอุปทานเป็นสำคัญ ได้แก่
หากดู ประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 3.9% สูงกว่า กรอบเป้าหมายตามแรงกดดันด้านอุปทาน โดยเฉพาะราคาพลังงานที่แม้จะทยอยลดลงตามราคาในตลาดโลก แต่ยังอยู่ในระดับสูง ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าคาดว่าจะอยู่ที่ 2.9% โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีที่ผ่านมาที่ 0.46% เนื่องจากเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มขยายตัวดีขึ้นที่ 3.8% ในปี 2566 จะเอื้อให้ผู้ประกอบการสามารถส่งผ่านต้นทุนที่อยู่ในระดับสูงในช่วงก่อนหน้าไปยังราคาสินค้าได้มากขึ้น
ส่วน อัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลาง ที่สะท้อนจากข้อมูลตลาดการเงิน ยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย แม้ระยะสั้นเงินเฟ้อคาดการณ์จะปรับตัวเพิ่มขึ้นก็ตาม สะท้อนความเชื่อมั่นว่านโยบาย การเงินจะสามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาในระยะปานกลางได้
ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่สาธารณชน มองว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นต่อเนื่องจนนำไปสู่การปรับเพิ่มราคาอย่างเป็นระลอกได้ (second-round effect)ซึ่งธปท.จะมีการติดตามประเด็นต่างๆใกล้ชิด เพื่อให้มั่นใจว่า เงินเฟ้อและคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะปานกลางยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน
แหล่งข่าว กนง.หวัง ‘เงินเฟ้อ’กลับเข้ากรอบเป้าหมาย กลางปี 66, bangkokbiznews, 12 ต.ค. 2565