นายประกอบ เพียรเจริญ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่และวาณิชธนกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ทิศทางกลุ่มงานลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่ หรือมียอดขาย 1,000 ล้านบาทขึ้นไป และวาณิชธนกิจในปี 2565 ตั้งเป้าสินเชื่อคงค้างเติบโต 2% จากปี 2564 ที่ 413,000 ล้านบาท เติบโต 13% ซึ่งธนาคารตั้งเป้าเติบโตภาพรวมสินเชื่ออย่างระมัดระวังในภาวะสงครามยังมีความไม่แน่นอนสูงในปีนี้
แต่ธนาคารยังคงตั้งเป้าเติบโตด้าน ESG Finance อย่างต่อเนื่อง ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินทั้งการออกหุ้นกู้และสินเชื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน เป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นอีก 50,000-100,000 ล้านบาท ภายในปี 2573 จากปีก่อนมูลค่าราว 20,000 ล้านบาท มาจากการออกหุ้นกู้ 13,650 ล้านบาทและสินเชื่อ 6,000 ล้านบาท
โดยวางกลยุทธ์เติบโต ESG Finance 3 ด้าน คือ 1.สร้างมูลค่าเพิ่มแก่ธุรกิจของลูกค้า ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการรวมทั้งโซลูชั่นครบวงจรูปแบบ Total Financing & Hedging Solution 2.พัฒนาคุณภาพสินทรัพย์ด้วยการให้ความช่วยเหลือลูกค้าในช่วงการฟื้นฟูหลังโควิดและขยายธุรกิจเติบโตแข็งแกร่งต่อไปได้ 3.นำเอาเทคโนโลยีมาใช้ในการทำธุรกรรมการเงินมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มออกหุ้นกู้ ESG ปีนี้ในภาวะดอกเบี้ยผันผวนและมีภาวะสงคราม พบว่า ลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ต้องการออกหุ้นกู้เร็วขึ้นกว่าเดิม อายุสั้นขึ้นเฉลี่ย 3-5 ปี ระดมเงินไว้ก่อน ทำให้หุ้นกู้ ESG จะขยายตัวมากขึ้น หรือถ้าตลาดตราสารหนี้ผันผวน ธนาคารสามารถปล่อยเป็นสินเชื่อ ESG ให้กับลูกค้าบางรายได้เช่นกัน
นอกจากนี้ แนวโน้มการซื้อขายกิจการ (M&A) ในภูมิภาคอาเซียน ปัจจุบันธนาคารมีคุยกับลูกค้าหลายรายที่ต้องการให้ธนาคารเข้าไปช่วยหาพาร์ทเนอร์ ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ มองว่า ทิศทางปีนี้น่าจะมีมากขึ้นกว่าปีก่อนแต่ไม่เร่งตัวมาก เพราะมีความไม่แน่นอนทั้งภาวะสงครามและโควิดที่ไม่สามารถเดินทางได้เต็มที่ ธุรกิจรายใหญ่ยังระมัดระวัง แต่ธุรกิจรายกลางจะปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เริ่มกลับมาพิจารณา
แหล่งข่าว กรุงศรี แย้มปีนี้ แนวโน้ม 'ซื้อขายกิจการ' ในอาเซียน ฟื้นจากปีก่อน, bangkokbiznews, 11 มี.ค. 2565