นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดทุนไทย ยังมีความน่าสนใจดึงดูดนักลงทุนสถาบัน โดยเฉพาะต่างประเทศ เนื่องจากส่วนตัวเชื่อว่า บริษัทจดทะเบียนในไทย (บจ.) มีความแข็งแกร่ง ด้วยความสามารถออกไปทำธุรกิจในต่างประเทศ พบว่า มีบจ. สัดส่วน 47% ที่มีรายได้จากต่างประเทศและมีหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรมเป็นกลุ่มชั้นนำระดับโลก เช่น กลุ่มเกษตร,ปิโตรเคมี ,อาหาร,การค้า,สาธารณสุข และการท่องเที่ยว
อีกทั้งแม้แต่ธุรกิจดังเดิมก็มีการปรับตัวได้อย่างรวดเร็วและทันต่อสถานการณ์ โดยเฉพาะในช่วงวิกฤติโควิด สะท้อนจากผลการดำเนินงานของบจ.ในช่วงครึ่งปีแรก 2564 ที่ให้ความสำคัญกับการนำเทคโนโลยีและระบบพลังงานหมุนเวียนมาปรับใช้
รวมถึงบจ.ยังให้ความสำคัญกับการทำ ESG เข้ามาช่วยในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นกระแสที่นักลงทุนทั่วโลกตระหนักและตื่นตัวเพราะเป็นเทรนด์ที่ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนในอนาคต
นายภากร กล่าวว่า สำหรับแผนงานของตลท.วางเป้าหมายใช้ตลาดทุนไทยเป็นตัวกลางดึงดูดเงินลงทุนต่างชาติเข้ามามากขึ้น ขณะนี้ ตลท. อยูู่ระหว่างการหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. เพื่อศึกษาหาแนวทางหรือเอื้อให้บริษัทต่างชาติเดินหน้าเข้ามาระดมทุนในประเทศไทยได้สะดวกมากขึ้น
รวมถึงผลักดัน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่เป็น New S – Curve เข้ามาระดมทุนในตลาดทุนไทยมากขึ้น หลังจากออกประกาศหลักเกณฑ์ไปแล้ว ซึ่งคาดว่าปลายปีนี้น่าจะธุรกิจเป็น New S – Curve ยื่นไฟล์ลิ่งเข้ามาบ้างและน่าจะเห็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า
นอกจากนี้ตลท.ยังมีความคิดที่จะเอาผลิตภัณฑ์การลงทุนในต่างประเทศเข้ามาบริการให้แก่นักลงทุนไทยมากขึ้น เพื่อกระจายความเสี่ยงให้กับผู้ลงทุนได้เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
นายภากร กล่าวว่า การจัดงาน "Thailand Focus 2021 : Thriving in the Next Normal” ระหว่าง 25-27 ส.ค.2564 ในปีนี้ถือว่ามีผู้ลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทะเบียนร่วมงาน 110 ราย หรือเพิ่มขึ้น จากปีก่อนที่มีราว 88 ราย พบว่า ผู้ลงทุนส่วนใหญ่สัดส่วน50% ยังคงมาจากสิงคโปร์และฮ่องกง ที่เหลืออีกราว 50% ยังคงมาจากสหราชอาณาจักร,สหรัฐฯ แต่พบว่ามีประเทศใหม่ๆในภูมิภาคอาเซียนที่ให้ความสนใจ เช่น มาเลเซีย,อินโดนีเซีย และเวียดนาม อีกทั้งผู้ลงทุนสถาบันให้ความสนใจบจ.ในตลาดหลักทรัพย์ mai มากขึ้น
แหล่งข่าว กองทุนต่างชาติ แห่เข้าร่วม ‘ไทยแลนด์โฟกัส’ โบรกชี้หนุนดัชนีทะลุ1,600จุด, bangkokbiznews, 25 ส.ค. 2564