การปราบปรามของปักกิ่งในการใช้โควตานำเข้าในทางที่ผิดประกอบกับผลกระทบของราคาน้ำมันดิบที่สูงอาจทำให้การเติบโตของการนำเข้าน้ำมันของจีนลดลงต่ำสุดในรอบสองทศวรรษในปี 2564 กรมศุลกากรของจีนรายงานว่าอัตราการนำเข้าเฉลี่ยต่อปีที่ 9.7% ตั้งแต่ปี 2558 และจะเป็นการเติบโตที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544
การคาดการณ์คงที่สอดคล้องกับแผนของ OPEC+ ที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมัน 400,000 บาร์เรลต่อวันระหว่างเดือนสิงหาคมถึงธันวาคม ซึ่งทำให้เกิดการเทขายในราคาอ้างอิงในสัปดาห์นี้ ขณะที่ จีนเป็นตัวขับเคลื่อนความต้องการน้ำมันทั่วโลกในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และคิดเป็น 44% ของการเติบโตของการนำเข้าน้ำมันทั่วโลกตั้งแต่ปี 2558
ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าตลาดน้ำมันดิบทั่วโลกจะยังคงขาดดุลในปีนี้แม้ว่าโอเปกจะมีผลผลิตเพิ่มขึ้นก็ตาม การสอบสวนของจีนเกี่ยวกับการซื้อขายโควตาการนำเข้าน้ำมันดิบ และผลจากการจัดสรรการนำเข้าที่ลดลงไปยังโรงกลั่นเอกชน ได้ทำให้อุปสงค์ลดลง “นี่อาจหมายถึงการยุติการเติบโตอย่างรวดเร็วของการนำเข้าน้ำมันดิบของจีนจากที่เราเคยเห็นในอดีต” นักวิเคราะห์จากปักกิ่ง
การนำเข้าน้ำมันดิบของจีนในเดือนมิถุนายนลดลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2556 หลังจากที่ปักกิ่งระงับการซื้อขายโควตานำเข้า โดยโรงกลั่นขนาดเล็กหลายแห่งไม่ได้รับโควตาใด ๆ ในชุดที่สองที่ออกในเดือนมิถุนายน
นักวิเคราะห์และผู้ค้ากล่าวว่าแม้การนำเข้าจะชะลอตัว แต่การแปรรูปน้ำมันดิบของจีนอาจแตะระดับสูงสุดอีกครั้งเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ เนื่องจากบริษัทเอกของรัฐและโรงกลั่นเอกชนรายใหญ่ดำเนินการโรงงานในอัตราที่สูงขึ้นและซื้อน้ำมันดิบมากขึ้นเพื่อชดเชยการลดลง
Julie Torgersrud นักวิเคราะห์ของ Rystad Energy กล่าวว่าการอุดช่องโหว่ด้านภาษีน่าจะช่วยสนับสนุนการกลั่นน้ำมัน ซึ่งน่าจะนำไปสู่การนำเข้าน้ำมันดิบที่สูงขึ้น
Rystad Energy, FGE และ Energy Aspects คาดการณ์ปริมาณการกลั่นจะสูงขึ้นที่ 14.5 ล้านถึง 14.6 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งหลัง โดยมีการนำเข้าระหว่าง 10.85 ล้านถึง 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน
SIA Energy ที่ปรึกษาซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปักกิ่งคาดการณ์ว่าจะมีการดำเนินการ 16 ล้านบาร์เรลต่อวันในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 เพิ่มขึ้น 6.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี ส่งผลให้มีการนำเข้า 12.48 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 15%
แหล่งข่าว China crackdown could knock crude oil import growth to 20-year low โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand