Jettarin.Su
Moderator
การตัดสินใจของ OPEC+ ที่จะลดการผลิตน้ำมันดิบในเดือนมีนาคมช่วยพยุงราคาน้ำมันให้ขึ้นชั่วขณะ
การผลิตน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 2 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีที่แล้วจากสถานการณ์ราคาที่ตกต่ำและอุปสงค์ที่บังคับให้ลดกำลังการผลิตลง
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบีย ผู้ส่งออกน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของโลกกล่าวว่าจะลดลง 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม ขณะที่ รัสเซียและคาซัคสถานจะเพิ่มผลผลิต ซึ่งรวมแล้ว OPEC + มีแผนที่จะอุปทานน้ำมันดิบ 500,000 bpd ต่อเดือนในห้วงสองเดือน
ราคาน้ำมัน WTI ในวันศุกร์เพิ่มขึ้น 52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และราคาฟิวเจอร์ส 12 เดือนแตะระดับ 51.37 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลจาก 44.63 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนธันวาคม
บริษัทพลังงานชั้นนำของสหรัฐฯ สองแห่งมีผลกำไรอยู่ที่ 30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลถึงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลตามข้อมูลของ Rystad Energy ทั้งนี้ ราคาที่สูงขึ้นในปีนี้สามารถผลักดันเงินสดของบริษัทให้เพิ่มขึ้น 32% อีกปัจจัยหนึ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิตคือต้นทุนบริการบ่อน้ำมันที่ต่ำ
Liberty ยังสามารถรักษาลูกค้าไว้ตลอดช่วงการแพร่ระบาด แต่ราคาที่ต่ำทำให้ไม่สามารถหาลูกค้ารายใหม่ได้ ความต้องการบริการ fracking ที่ฟื้นตัว คาดว่าจะช่วยให้กิจการดำเนินงานดีขึ้น
น้ำมันจะต้องแตะระดับ 60-65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพื่อฟื้นฟูผลผลิตของสหรัฐฯ ได้ 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน และจะเพิ่มผลตอบแทนของนักลงทุน และราคาเฉลี่ยจะต้องแตะ 56 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลถึงจะเร่งให้เกิดการขุดเจาะเพิ่มขึ้นอย่างมาก
อย่างไรก็ดี Sarp Ozkan ผู้อำนวยการอาวุโสของ บริษัท วิเคราะห์ Enverus กล่าวว่า อุตสาหกรรมดังกล่าวในปีนี้คงจะเป็นการฟื้นตัวมากกว่าการเติบโต
ที่มารูปภาพ Jennifer Hiller
แหล่งข่าว OPEC crude output cuts should help U.S. shale profits in 2021 โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand