ภายหลังที่รายงาน CPI ในเดือน เม.ย. ของสหรัฐเพิ่มขึ้นสูงในรอบ 12 ปีผลักให้หุ้นดิ่งลง แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลบาลยังคงเพิ่มขึ้นในวันพุธ
ในช่วง 12 เดือนจนถึงเดือน มี.ค. ดัชนี PCE ของเฟดแตะระดับ 1.8% สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 2563 ทั้งนี้ ดัชนีดังกล่าวจะต้องแตะ 2.8% ถึงจะสามารถสร้างความกังวลได้จากข้อคำตอบของนักเศรษฐศาสตร์ 41 คนที่ตอบคำถามในแบบสำรวจวันที่ 10-13 พ.ค. แม้ว่า การคาดการณ์จะอยู่ในช่วง 2.3% ไปจนถึง 4.0% แต่ปกติแล้วจะอยู่ที่ 2.5%
ขณะที่ 36 คนจาก 41 คนระบุว่า เฟดจะสามารถทนกับดัชนี PCE ในอัตราที่สูงอย่างน้อยสามเดือน และอีก 12 คนเชื่อว่าทนได้ 3-6 เดือน เป็นต้น
การสำรวจยังเผยว่า ดัชนี PCE ถูกคาดว่าจะผ่อนคลายลงไปยัง 2.0-2.2% ในช่วงที่เหลือของปีไปจนถึงสิ้นปี 2565 หลังจากแตะระดับ 2.4% ในไตรมาสนี้ มุมมองดังกล่าวยังไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน เม.ย.
เศรษฐกิจสหรัฐถูกคาดว่าจะขยายตัวโดยเฉลี่ย 6.5% ในปีนี้และ 4.1% ถัดไปเพิ่มขึ้นจาก 6.2% และ 4.0% ตามลำดับที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ แต่การเติบโตของงานคาดว่าจะล่าช้าและใช้เวลานานกว่าจะให้มีระดับคงที่
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่หรือ 35 คนจาก 50 คนมองว่าอาจใช้เวลามากกว่า 1 ปี และอีก 15 คนมองว่าอาจมากกว่า 2 ปี
เมื่อถามว่าเฟดจะเริ่มปรับลดการทำ QE ที่เดือนละ 120,000 ล้านดอลลาร์เมื่อใด นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่หรือ 31 คนจาก 51 คนมองว่าในช่วงไตรมาสแรกของปี 2565 และอีก 13 คนมองว่าในไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
แหล่งข่าว Fed's core PCE inflation concern threshold is 2.8% - economists โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand