กระทรวงการคลังญี่ปุ่นรายงาน การส่งออกเพิ่มขึ้น 13.0% ในเดือนกันยายนจากปีก่อนหน้า เทียบกับการคาดการณ์ของตลาดเฉลี่ยว่าจะเพิ่มขึ้น 11.0% และลดลงจากที่ขยายตัว 26.2% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งเป็นการขยายตัวที่น้อยที่สุดในรอบ 7 เดือน
การส่งออกไปยังจีนซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 10.3% ในเดือนกันยายนเมื่อเทียบปีต่อปี นำโดยเซมิคอนดักเตอร์และวัสดุพลาสติก ในขณะที่การส่งออกรถยนต์ลดลง 71.9% การส่งออกไปสหรัฐฯ ลดลง 3.3% ถือเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน เนื่องจากความต้องการรถยนต์และเครื่องบินลดลง
การนำเข้าเพิ่มขึ้น 38.6% ในเดือนก.ย. จากที่เพิ่มขึ้น 44.7% ในเดือนก่อนหน้า โดยได้แรงหนุนจากต้นทุนน้ำมัน ถ่านหิน และยาที่เพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้การนำเข้าเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน ทำให้เกิดความกังวลว่าค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงและราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนในญี่ปุ่นขาดแคลนทรัพยากร
“ราคานำเข้าที่สูงขึ้นส่งผลกระทบต่อเงื่อนไขการค้าของบริษัทญี่ปุ่น” Ryosuke Katagi นักเศรษฐศาสตร์การตลาดจาก Mizuho Securities กล่าว “เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงซบเซาในญี่ปุ่น บริษัทต่างๆ จึงไม่สามารถส่งต่อต้นทุนไปยังผู้บริโภค”
ดุลการค้าของญี่ปุ่นลดลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันที่ 622.8 พันล้านเยน (5.43 พันล้านดอลลาร์)
ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นคงจะขยายตัวเพียงเล็กน้อย 0.8% ในไตรมาสที่สาม เนื่องจากการขาดแคลนชิ้นส่วนและข้อจำกัดด้านอุปทานที่เกิดจากการปิดโรงงานในเอเชียส่งผลกระทบต่อการผลิตรถยนต์
(1 ดอลลาร์ = 114.6200 เยน)
แหล่งข่าว Japan's export growth slows; import costs weigh on recovery hopes โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand