ตลาดยังคงเห็นความต้องการสินทรัพย์เสี่ยงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยหลายประการตั้งแต่ข้อมูลจ้างงานที่แข็งแกร่งและการผ่านแพ็คเกจโครงสร้างพื้นฐาน ไปจนถึงความหวังสำหรับยารักษาโควิด-19 จากไฟเซอร์
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นกำลังเริ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ โดย Nasdaq100 เพิ่มขึ้น 12.7% จากระดับต่ำสุดในท้องถิ่นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ขณะที่ S&P500 และ Dow Jones ก็เพิ่มขึ้น 8.9% และ 6.7% ตามลำดับ
เราให้ความสนใจไม่เพียงแค่ความแข็งแกร่งของแรลลี่ แต่ยังรวมถึงความสมดุลของดัชนีหลักของสหรัฐฯ ด้วย หุ้นในตลาด Nasdaq อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่าผลตอบแทน 10 ปีของสหรัฐฯ ลดลงเป็น 1.48% ขณะเวลาที่เขียน
เบื้องหลังการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวจากธนาคารกลางรายใหญ่ของโลก ได้แก่ Fed, ECB, Bank of England และ Bank of Japan ซึ่งได้โน้มน้าวตลาดจะมีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ผู้สังเกตการณ์หลายคนชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างพื้นฐานระหว่างสถานการณ์ปัจจุบันกับสิ่งที่เราเห็นเมื่อสิบปีที่แล้ว โดยเฉพาะในตอนนั้นที่ภาคครัวเรือนมีหนี้สินสูงและรายได้ลดลง อย่างไรก็ตามหนี้สินนั้นไม่ได้สูงเท่าในขณะนี้ขณะที่การออมส่วนบุคคลก็สูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนหนึ่งจากเช็คจากรัฐบาล ซึ่งในระยะสั้นสถานการณ์แบบนี้กำลังเอื้อต่อตลาดหุ้น
นอกจากข้างขึ้นใน Nasdaq แล้ว Russell 2000 ก็ได้เคลื่อนออกจาก sideway แล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้ การเติบโตของดัชนีนี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทในตลาดหุ้นขนาดเล็กเป็นสัญญาณที่สำคัญของความแข็งแกร่งของการแรลลี่ในปัจจุบัน โดยเพิ่มขึ้น 4.8% เทียบกับ 3% สำหรับ Nasdaq, 2% สำหรับ S&P500 และ 1.1% สำหรับ Dow Jones ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา
Russell 2000 ทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้น 50% จากเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม แต่เราอาจไม่เห็นการเติบโตในระดับเดียวกันในครั้งนี้ แต่ที่น่าสนใจคือโหมดความเสี่ยงนั้นไม่ได้ลดดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ เนื่องจากธนาคารกลางรายใหญ่ได้ใช้แนวทางที่คล้ายคลึงกันหรือแนวทางที่ผ่อนคลายมากกว่าเฟด ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในกรอบขาขึ้นตั้งแต่ต้นปี
แหล่งข่าว Growth in equities goes to smaller firms – a bullish sign โดย The FxPro Analyst Team
แปลโดยทีม TradersThailand
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นกำลังเริ่มขึ้นในตลาดสหรัฐฯ โดย Nasdaq100 เพิ่มขึ้น 12.7% จากระดับต่ำสุดในท้องถิ่นเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม ขณะที่ S&P500 และ Dow Jones ก็เพิ่มขึ้น 8.9% และ 6.7% ตามลำดับ
เบื้องหลังการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวจากธนาคารกลางรายใหญ่ของโลก ได้แก่ Fed, ECB, Bank of England และ Bank of Japan ซึ่งได้โน้มน้าวตลาดจะมีปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ผู้สังเกตการณ์หลายคนชี้ให้เห็นถึงความแตกต่างพื้นฐานระหว่างสถานการณ์ปัจจุบันกับสิ่งที่เราเห็นเมื่อสิบปีที่แล้ว โดยเฉพาะในตอนนั้นที่ภาคครัวเรือนมีหนี้สินสูงและรายได้ลดลง อย่างไรก็ตามหนี้สินนั้นไม่ได้สูงเท่าในขณะนี้ขณะที่การออมส่วนบุคคลก็สูงเป็นประวัติการณ์ ส่วนหนึ่งจากเช็คจากรัฐบาล ซึ่งในระยะสั้นสถานการณ์แบบนี้กำลังเอื้อต่อตลาดหุ้น
นอกจากข้างขึ้นใน Nasdaq แล้ว Russell 2000 ก็ได้เคลื่อนออกจาก sideway แล้วตั้งแต่เดือนมีนาคมปีนี้ การเติบโตของดัชนีนี้ ซึ่งรวมถึงบริษัทในตลาดหุ้นขนาดเล็กเป็นสัญญาณที่สำคัญของความแข็งแกร่งของการแรลลี่ในปัจจุบัน โดยเพิ่มขึ้น 4.8% เทียบกับ 3% สำหรับ Nasdaq, 2% สำหรับ S&P500 และ 1.1% สำหรับ Dow Jones ในช่วงห้าวันที่ผ่านมา
Russell 2000 ทำสถิติสูงสุดใหม่ในปีก่อนหน้า โดยเพิ่มขึ้น 50% จากเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม แต่เราอาจไม่เห็นการเติบโตในระดับเดียวกันในครั้งนี้ แต่ที่น่าสนใจคือโหมดความเสี่ยงนั้นไม่ได้ลดดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ เนื่องจากธนาคารกลางรายใหญ่ได้ใช้แนวทางที่คล้ายคลึงกันหรือแนวทางที่ผ่อนคลายมากกว่าเฟด ส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ยังคงอยู่ในกรอบขาขึ้นตั้งแต่ต้นปี
แหล่งข่าว Growth in equities goes to smaller firms – a bullish sign โดย The FxPro Analyst Team
แปลโดยทีม TradersThailand
