การเทขายหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ กระทบตลาดหุ้น ราคาน้ำมันลดลงจากความกังวลด้านอุปสงค์
ตลาดหุ้นเอเชียดิ่งลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังการเทของกลุ่มเทคโนโลยีฉุดตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และบริษัทรายใหญ่อย่าง แอสตราเชเนกา ประกาศระดับการทดลงวัคซีนต้านโควิด
ดัชนี MSCI ของญี่ปุ่น MIAPJ0000PUS ร่วงลง 1.06%. ดัชนีของ Australia stocks ลดลง 2.47% ขณะที่ CSI300 ของจีนลดลง 1.53% ดัชนีNikkei ของญี่ปุ่น ร่วงลง 1.12% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.25% ขณะที่ Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.83%. ดัชนี STXEc1 ของยุโรปลดลง 0.03%, ดัชนี FDXc1 ของเยอรมนีลดลง 0.14% และ FFIc1 ก็ลดลง 0.29%.
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นสำหรับตราสารทุนและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนต้องการความปลอดภัยในการถือครองหนี้ของรัฐบาล ส่งผลให้เงินเยนแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ การขายกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเกี่ยวกับการซื้อ Call Option ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการปรับฐานในตลาดอื่น ๆ
นาย Tom Piotrowski นักวิเคราะห์การตลาดที่ Australian broker CommSec ระบุว่า การดำเนินการของ Wall Street ที่กำลังทิ้งภาระขนาดใหญ่ และที่น่าจับตามองที่สุดคือจำนวนบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง
ราคาน้ำมันที่ลดลง 7.6% ในช่วงวันที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณของการคาดการณ์การเติบโตทั่วโลก ดัชนีค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม Dow Jones ลดลง 2.25% ดัชนี S&P 500 SPX ลดลง 2.78% และ Nasdaq Composite IXIC ลดลง 4.11% ในวันพุธ บริษัท Tesla ลดลง 21.06% ในวันอังคาร ซึ่งเป็นการลดลงต่อวันสูงที่สุด
หุ้น SoftBank Group Corp (9984.T) ลดลง 3.64% ในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการซื้อขาย Call Option ในของกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ SoftBank ลดลงประมาณ 12% เนื่องจากแหล่งข่าวบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์และสื่ออื่น ๆ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่าได้วางการเดิมพันในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ และซื้อ Call Option สำหรับหุ้งอ้างอิง ทั้งนี้ คู่ค้าที่ขาย Call Option SoftBank จะต้องป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อหุ้นอ้างอิง ซึ่งน่าจะมีส่วนทำให้ Nasdaq IXIC และ S&P 500 SPX ทำสถิติสูงสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา การประชุมครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 16 กันยายนอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดหุ้นเนื่องจากนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่าสภาพคล่องส่วนเกินที่ Fed สร้างขึ้นมีส่วนทำให้ราคาตราสารทุนสูงขึ้นในปีนี้ U.S. 10-year Treasury yield 10 ปี ลดลงเหลือ 0.6690% ขณะที่ US2 US10 = TWEB ปรับลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลงทางการค้ากำลังส่งผลกระทบต่อเงินปอนด์
ดัชนีดอลลาร์ = USD เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์เนื่องจากการเทขายของ Wall Street และความกลัวที่เกิดขึ้นใหม่เกี่ยวกับ Brexit กระตุ้นความต้องการ safe-harbour สำหรับดอลลาร์ การซื้อขายล่วงหน้าสำหรับน้ำมันขยายตัวลดลงอย่างรวดเร็วสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานโลกที่อ่อนแอและอุปทานส่วนเกิน โดย Brent LCOc1 ลดลง 0.63% สู่ระดับ 39.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ CLc1 ของสหรัฐฯ ลดลง 0.73% สู่การซื้อขายที่ 36.49 ดอลลาร์
แหล่งข่าว U.S. tech selloff hits equities, oil falls on demand worry โดย Reuters.
แปลโดยทีม Tradersthailand
ตลาดหุ้นเอเชียดิ่งลงต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน หลังการเทของกลุ่มเทคโนโลยีฉุดตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงลงเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน และบริษัทรายใหญ่อย่าง แอสตราเชเนกา ประกาศระดับการทดลงวัคซีนต้านโควิด
ดัชนี MSCI ของญี่ปุ่น MIAPJ0000PUS ร่วงลง 1.06%. ดัชนีของ Australia stocks ลดลง 2.47% ขณะที่ CSI300 ของจีนลดลง 1.53% ดัชนีNikkei ของญี่ปุ่น ร่วงลง 1.12% ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 0.25% ขณะที่ Nasdaq เพิ่มขึ้น 0.83%. ดัชนี STXEc1 ของยุโรปลดลง 0.03%, ดัชนี FDXc1 ของเยอรมนีลดลง 0.14% และ FFIc1 ก็ลดลง 0.29%.
นอกจากนี้ ความเชื่อมั่นสำหรับตราสารทุนและสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงอื่น ๆ ก็ได้รับผลกระทบ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากนักลงทุนต้องการความปลอดภัยในการถือครองหนี้ของรัฐบาล ส่งผลให้เงินเยนแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์เมื่อเทียบกับดอลลาร์ การขายกลุ่มหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐที่เพิ่มขึ้นสูงส่วนหนึ่งมาจากความกังวลเกี่ยวกับการซื้อ Call Option ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการปรับฐานในตลาดอื่น ๆ
นาย Tom Piotrowski นักวิเคราะห์การตลาดที่ Australian broker CommSec ระบุว่า การดำเนินการของ Wall Street ที่กำลังทิ้งภาระขนาดใหญ่ และที่น่าจับตามองที่สุดคือจำนวนบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีที่ลดลง
ราคาน้ำมันที่ลดลง 7.6% ในช่วงวันที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณของการคาดการณ์การเติบโตทั่วโลก ดัชนีค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม Dow Jones ลดลง 2.25% ดัชนี S&P 500 SPX ลดลง 2.78% และ Nasdaq Composite IXIC ลดลง 4.11% ในวันพุธ บริษัท Tesla ลดลง 21.06% ในวันอังคาร ซึ่งเป็นการลดลงต่อวันสูงที่สุด
หุ้น SoftBank Group Corp (9984.T) ลดลง 3.64% ในวันพุธที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการซื้อขาย Call Option ในของกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีของสหรัฐฯ SoftBank ลดลงประมาณ 12% เนื่องจากแหล่งข่าวบอกกับสำนักข่าวรอยเตอร์และสื่ออื่น ๆ เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่าได้วางการเดิมพันในบริษัทกลุ่มเทคโนโลยีรายใหญ่ของสหรัฐมูลค่าประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์ และซื้อ Call Option สำหรับหุ้งอ้างอิง ทั้งนี้ คู่ค้าที่ขาย Call Option SoftBank จะต้องป้องกันความเสี่ยงด้วยการซื้อหุ้นอ้างอิง ซึ่งน่าจะมีส่วนทำให้ Nasdaq IXIC และ S&P 500 SPX ทำสถิติสูงสุดเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา การประชุมครั้งต่อไปของธนาคารกลางสหรัฐในวันที่ 16 กันยายนอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อตลาดหุ้นเนื่องจากนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่าสภาพคล่องส่วนเกินที่ Fed สร้างขึ้นมีส่วนทำให้ราคาตราสารทุนสูงขึ้นในปีนี้ U.S. 10-year Treasury yield 10 ปี ลดลงเหลือ 0.6690% ขณะที่ US2 US10 = TWEB ปรับลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการที่สหราชอาณาจักรออกจากสหภาพยุโรปโดยไม่มีข้อตกลงทางการค้ากำลังส่งผลกระทบต่อเงินปอนด์
ดัชนีดอลลาร์ = USD เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลอยู่ใกล้ระดับสูงสุดในรอบ 4 สัปดาห์เนื่องจากการเทขายของ Wall Street และความกลัวที่เกิดขึ้นใหม่เกี่ยวกับ Brexit กระตุ้นความต้องการ safe-harbour สำหรับดอลลาร์ การซื้อขายล่วงหน้าสำหรับน้ำมันขยายตัวลดลงอย่างรวดเร็วสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายนเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์พลังงานโลกที่อ่อนแอและอุปทานส่วนเกิน โดย Brent LCOc1 ลดลง 0.63% สู่ระดับ 39.53 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ CLc1 ของสหรัฐฯ ลดลง 0.73% สู่การซื้อขายที่ 36.49 ดอลลาร์
แหล่งข่าว U.S. tech selloff hits equities, oil falls on demand worry โดย Reuters.
แปลโดยทีม Tradersthailand