ในช่วงต้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมสุดยอดผู้นำ กลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก 7 ประเทศหรือที่เรียกกันว่ากลุ่ม G7 (ได้แก่ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี และญี่ปุ่น) ได้บรรลุข้อตกลง การจัดเก็บภาษีกับบริษัทข้ามชาติ ซึ่งเป็นข้อตกลงครั้งประวัติศาสตร์ในการปฏิรูประบบภาษีทั่วโลกให้เหมาะสมกับโลกดิจิทัล หลังจากที่เจรจากันมาตั้งแต่ปี 2556 บางขุนพรหมชวนคิด จึงขอใช้โอกาสนี้พูดถึงประเด็นนี้ค่ะ
ข้อตกลงดังกล่าวจะถูกนำมาใช้อย่างไร? เบื้องต้นที่ประชุมเปิดเผยว่า จะนำมาใช้ภายใต้ 2 หลักการ ประการแรก คือ บังคับใช้กับบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ที่มีอัตรากำไรสุทธิอย่างน้อย 10% โดย 20% ของส่วนที่เกินจะถูกเฉลี่ยและเสียภาษีในประเทศที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่ ประการที่สองคือ กำหนดให้อัตราภาษีนิติบุคคลทั่วโลกขั้นต่ำ ที่ 15% หากบริษัทเสียภาษีต่ำกว่า รัฐบาลประเทศที่บริษัทแม่ถือสัญชาติอยู่จะจัดเก็บภาษีนิติบุคคลเพิ่มจนถึงขั้นต่ำที่ 15% เพื่อไม่ให้แต่ละประเทศแข่งกันลดภาษีให้ต่ำกว่าประเทศอื่น และป้องกันบริษัทโยกย้ายกำไรไปในประเทศที่เสียภาษีต่ำกว่า กลุ่ม G7 ยังระบุว่าการตั้งภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำนี้จะมาแทนที่ภาษีบริการดิจิทัล (Digital Service Taxes) ที่ก่อนหน้านี้ หลายประเทศเริ่มจัดเก็บจากรายได้ที่ธุรกิจที่ให้บริการดิจิทัลทำได้ในประเทศนั้นๆ ในอัตราที่แตกต่างกัน
แล้วท่าทีของฝ่ายที่เกี่ยวข้องต่อข้อตกลงนี้? ด้านบริษัทเทคโนโลยีออกมาสนับสนุนและพร้อมที่จะปฏิบัติตาม โดยนักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าในมุมของบริษัทเหล่านี้การเก็บภาษีนิติบุคคลขั้นต่ำที่บังคับใช้เท่ากันทั่วโลกย่อมดีกว่าภาษีบริการดิจิทัลที่แต่ละประเทศจัดเก็บในอัตราที่แตกต่างกัน สำหรับท่าทีของประเทศอื่น อย่าง กลุ่มประเทศพัฒนาแล้วอย่าง OECD (มีสมาชิกกว่า 30 ประเทศ) ส่งสัญญาณเชิงบวก โดยชาติสมาชิกได้ตกลงร่วมกันเบื้องต้นเกี่ยวกับแนวคิดการเก็บภาษีดังกล่าวแล้วแต่ยังไม่ได้ตกลงอัตราภาษีขั้นต่ำอย่างเป็นทางการ ทำให้ต้องติดตามการประชุมกลุ่มประเทศ G20 ในเดือนกรกฎาคมว่าข้อตกลงของกลุ่ม G7 จะได้รับการยอมรับหรือไม่
อย่างไรก็ตาม การบังคับใช้ข้อตกลงนี้ในระดับโลกยังคงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง นักวิเคราะห์หลายแห่งมองว่ายังมีรายละเอียดอีกหลายประเด็นที่ยังไม่แล้วเสร็จ โดยเฉพาะประเทศขนาดเล็กใช้อัตราภาษีต่ำเพื่อดึงดูดการลงทุนมีแนวโน้มจะเสียประโยชน์อาจออกมาเรียกร้องให้ข้อตกลงนี้คำนึงถึงประเทศที่มีเศรษฐกิจขนาดเล็กด้วย เพราะขนาดเศรษฐกิจทำให้มีข้อจำกัดในการแข่งขัน จึงจำเป็นต้องใช้ภาษีมาดึงดูด ในแง่ของไทย ก็ต้องติดตาม ปรับตัว และพร้อมแก้ไขกฎระเบียบ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้สอดคล้องกับมาตรฐานต่างๆที่ออกมาต่อไป
แหล่งข่าว ก้าวสู่โลกดิจิทัลผ่านการปฏิรูประบบภาษีทั่วโลก, ไทยรัฐ, 19 มิ.ย. 2564