ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน (1 ม.ค. -1 ก.ย. 2565) คณะกรรมการเปรียบเทียบปรับ ได้มีคำสั่งเปรียบเทียบปรับและกล่าวโทษ บริษัท และผู้บริหารของบริษัทประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวม 27 กรณี มูลค่า 52.27 ล้านบาท แบ่งเป็น บริษัท 18 กรณี และรายบุคคล 9 กรณี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2564 ที่มีจำนวน 12 กรณี มูลค่า 12.34 ล้านบาท
สำหรับบริษัทที่ถูกเปรียบเทียบปรับมูลค่าสูงที่สุด ได้แก่ บริษัท สตางค์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ Satang 4 กรณี มูลค่า 12.29 ล้านบาท
รองลงมา บริษัท อัพบิต เอ็กซ์เชนจ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ Upbit ถูกเปรียบเทียบปรับรวม 5 กรณี มูลค่า 9.75 ล้านบาท
บริษัท บิทาซซ่า จำกัด หรือ Bitazza รวม 3 กรณี มูลค่า 6.91 ล้านบาท
บริษัท บิทคับ ออนไลน์ หรือ BO จำนวน 1 กรณี มูลค่า 2,533,500.00 บาท
บริษัท ซิปเม็กซ์ จำกัด หรือ Zipmex รวม 2 กรณี มูลค่า 1.92 ล้านบาท
บริษัท ดีเอสแด็ค (ประเทศไทย) 1 กรณี
บริษัท จีเอ็มโอ-แซด.คอม คริปโทนอมิคซ์ (ประเทศไทย) 1 กรณี มูลค่า 1.8 แสนบาท
บริษัท บาร์เทอร์ สมาร์ท จำกัด กรณีฐานเสนอขายเหรียญ BSmart (มีลักษณะเป็น investment token ที่มีการจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือเหรียญ) โดยไม่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายโทเคนดิจิทัลที่ออกใหม่ต่อประชาชน
แหล่งข่าว ก.ล.ต.คุมเข้มสินทรัพย์ดิจิทัล 8 เดือนสั่งปรับ-กล่าวโทษ 27 เคส, bangkokbiznews, 07 ก.ย. 2565