นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (13 ก.ค.)เห็นชอบการให้ความช่วยเหลือบรรเทาภาระค่าใช้จ่ายไฟฟ้าและค่าน้ำประปาของประชาชนและธุรกิจทั่วประเทศ เป็นระยะเวลา 2 เดือน โดยคาดว่าใช้วงเงินประมาณ 1.2 หมื่นล้านบาท ประกอบไปด้วย
1. มาตรการลดภาระค่าไฟฟ้าระหว่างเดือนก.ค.-ส.ค. 2564 โดยใช้ฐานเดือนกุมภาพันธ์ ดังนี้
- ประเภทบ้านที่อยู่อาศัย กรณีที่ใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 150หน่วย/เดือน : ใช้ไฟฟ้าฟรี 90 หน่วยแรก ส่วนบ้านอยู่อาศัยที่ใช้ไฟฟ้าเกิน 150หน่วย/เดือน หากน้อยกว่าหรือเท่ากับเดือน ก.พ. 64 คิดค่าไฟฟ้าตามหน่วยการใช้ไฟฟ้าจริง กรณีมากกว่าเดือนก.พ. แต่ไม่เกิน 500 หน่วย/เดือน ให้จ่ายเท่ากับเดือน ก.พ. 64
ระหว่าง 501-1,000 หน่วย/เดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือน ก.พ. 64 +50% ของหน่วยไฟฟ้าที่เพิ่มจากเดือน ก.พ. 64 เกิน 1,000 หน่วย/เดือน ให้จ่ายค่าไฟฟ้าเท่ากับเดือน ก.พ. 64 + 70% ของหน่วยไฟฟ้าที่เพิ่มจากเดือน ก.พ. 64 โดยให้เป็นส่วนลดค่าไฟฟ้าก่อนการคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม
-ประเภทกิจการขนาดเล็ก(ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ใช้ไฟฟ้าฟรี 100 หน่วยแรก
- ประเภทกิจการขนาดกลาง ขนาดใหญ่ กิจการเฉพาะ องค์กรไม่แสวงหากำไรและการสูบน้ำเพื่อการเกษตร ยกเว้นการเรียกเก็บอัตราค่าไฟฟ้าต่ำสุด (Minimum Charge) จนถึงสิ้นเดือนธ.ค. 64 โดยให้จ่ายค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (demand Charge) ตามกำลังไฟฟ้าที่ใช้จ่ายจริง
2. มาตรการลดภาระค่าน้ำประปาลงร้อยละ 10 เฉพาะบ้านที่อยู่อาศัยและกิจการขนาดเล็ก (ไม่รวมส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ระยะเวลา 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย. 64)
ทั้งนี้ กรอบวงเงินสำหรับมาตรการลดค่าน้ำ-ค่าไฟฟ้า ให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) การประปานครหลวง (กปน.) และ การประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ขอรับสนับสนุนภายใต้กรอบวงเงินรวมไม่เกิน 12,000 ล้านบาท
แหล่งข่าว 'ครม.' ทุ่ม 1.2 หมื่นล้าน ลดค่าน้ำ - ค่าไฟ ทั่วประเทศ 2 เดือนเยียวยาโควิด-19, bangkokbiznews, 13 ก.ค. 2564