รายได้จะเป็นจุดสนใจหลักสำหรับนักลงทุนในสัปดาห์หน้าตั้งแต่ Coca-Cola และ IBM ไปจนถึง Johnson & Johnson และ Netflix
จนถึงขณะนี้ หลายบริษัทต่างรายงานผลประกอบการที่เกินกว่าประมาณการรายได้ด้วยอัตรากำไรที่กว้างมากกว่า 84% ตามข้อมูลของ Refinitiv ช่วงสามเดือนนี้เป็นช่วงแรกที่เปรียบเทียบกับผลกำไรของปีก่อนหน้านี้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาด
ดัชนี S&P 500 ขยายตัวกว่า 30.2% ในไตรมาสนี้ ซึ่งนับเป็นช่วงสามเดือนที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่สามของปี 2553 ตาม FactSet
ธนาคารรายใหญ่อย่าง JPMorgan Chase, Goldman Sachs และ Bank of America รายงานผลกำไรที่ดีเกินคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา S&P 500 ปิดที่ ATH ที่ 4,185 จุด เพิ่มขึ้น 1.4% ดาวโจนส์ขยายตัวเป็นสัปดาห์ที่สี่เพิ่มขึ้น 1.2 ปิด ATH ที่ 34,200 จุด Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.1% ปิดที่ 14,052 จุด
ปธน.โจไบเดนได้เสนอให้เพิ่มการเก็บภาษีนิติบุคคลเป็น 28% จาก 21% เพื่อช่วยจ่ายสำหรับแผนโครงสร้างพื้นฐาน แต่ขณะนี้ ชะตากรรมมาตรการดังกล่าวยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่ ต้นทุนด้านเชื้อเพลิงได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 30% ตั้งแต่ต้นปี ราคาไม้ในตลาดฟิวเจอร์สอยู่ที่ระดับสูงสุดตลอดเวลาและฟิวเจอร์สทองแดงสูงขึ้นประมาณ 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา รายงานทางเศรษฐกิจยังคงตอกย้ำถึงโมเมนตัมทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่สองที่แข็งแกร่ง ยอดค้าปลีกในเดือน มี.ค. เพิ่มขึ้นเกือบ 10% และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานอยู่ในระดับต่ำ
แหล่งข่าว Concerns over inflationary pressure on earnings will test stocks in the week ahead โดย CNBCแปลโดยทีม TradersThailand