การเมืองบนท้องถนนที่เคยร้อนแรงเมื่อช่วงกลาง-ปลายปี 2563 มาวันนี้ ยากที่จะปลุกกระแสให้กลับมาติดลมบนจนทะลุฟ้าเหมือนเดิม แม้จะมีความพยายามจัดอีเวนท์ปลุกมวลชนบ่อยครั้ง แต่พักหลังอารมณ์เหมือนมุกแป้ก
แถม “แกนนำราษฎร” ระดับแม่เหล็ก ที่เคยแข็งแกร่ง ต่อสู้เรียกร้องตามอุดมการณ์เริ่มลดน้อยถอยลง เนื่องจากโดน “ขั้วอำนาจรัฐ” ฟ้องร้องดำเนินคดีจนทยอยเช้าซังเตกันเกือบหมด บรรดา “แกนนำรุ่นสอง-รุ่นสาม” ที่หวังจะรับไม้ต่อ ก็ปั้นกันไม่ทัน
จากสถิติคนที่ถูกดำเนินคดีสูงสุด 11 คนแรก มีดังนี้ 1.เพนกวิน พริษฐ์ ชิวารักษ์ 22 คดี 2. อานนท์ นำภา 14 คดี 3.ไมค์-ภาณุพงศ์ จาดนอก 9 คดี 4.รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล 9 คดี 5.พลอย -เบนจา อะปัญ 6 คดี 6.แอมป์-ณวรรษ เลี้ยงวัฒนา 4 คดี
7.ฟ้า-พรหมศร วีระธรรมจารี 4 คดี 8.ไบรท์-ชินวัตร จันทร์กระจ่าง 4 คดี 9.จัสติน -ชูเกียรติ แสงวงค์ 4 คดี 10.ตี้-วรรณวลี ธรรมสัตยา 4 คดี 11.มายด์-ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล 3 คดี
นี่แค่จำนวนคดีของ “แกนนำ” ระดับแม่เหล็กยังนับนิ้วกันไม่หมด หากไล่เรียงคดีของ “ผู้ร่วมชุมนุม” ที่มีอีกมากโข วลีที่ปลุกกันว่าคุกขังไม่หมด อาจจะไม่ใช่เรื่องจริงเสียแล้ว
ยุทธศาสตร์ที่คนหน้าฉาก-คนหลังฉาก ประเมินให้ “แกนนำราษฎร” นำมาใช้เคลื่อนไหว คือการสู้ไปข้างหน้า ไม่ใส่เกียร์ถอย เร่งเกมให้ “ขั้วอำนาจรัฐ” สยบยอม
ทว่า การเร่งเกมเป็น “ดาบสองคม” กลับมาทิ่มแทง “แกนนำราษฎร” เสียเอง แถมม็อบที่เคยทรงพลังกลับฝ่อตัวลงเรื่อยๆ
หากรังจะเดินหน้าท้าชน “ขั้วอำนาจรัฐ”ก็ไม่ยอมถอย แถมยังรุกเข้าใส่ บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มข้น จนม็อบสามนิ้วตั้งรับกันไม่ทัน
เมื่อประเมินแล้วว่า “ม็อบสามนิ้ว” โอกาสจะชนะมีริบรี่ “แกนนำหลังฉาก” จึงเตรียมหาทางลง โดยเตรียมส่งสัญญาณให้ยื่นเงื่อนไข “ยุติการชุมนุม” ถอยมาตั้งโต๊ะเจรจา เพื่อไม่ให้ “แกนนำราษฎร-ผู้ร่วมชุมนุม”เดินเข้าซังเตไปมากกว่านี้
แหล่งข่าว จับตา “ม็อบสามนิ้ว” ยุติชุมนุม เปิดโต๊ะเจรจา “ขั้วอำนาจรัฐ”, bangkokbiznews, 6 ธ.ค. 2564