ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่สี่ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดเหนือ 36,000 จุดเป็นครั้งแรก
หุ้น Pfizer เพิ่มขึ้น 4.1% หลังจากที่คาดว่ายอดขายวัคซีนในปี 2564 จะสูงถึง 36 พันล้านดอลลาร์
โดยรวมผลประกอบการไตรมาส 3 ออกมาดีเกินคาดสำหรับบริษัทในสหรัฐ และคาดว่า S&P 500 จะเพิ่มขึ้น 40.2% ในไตรมาสที่สามจากปีที่แล้ว ตามรายงานของ Refinitiv IBES
ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 138.79 จุดหรือ 0.39% เป็น 36,052.63 จุด ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้น 16.98 จุดหรือ 0.37% เป็น 4,630.65 จุเ และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 53.69 จุดหรือ 0.34% เป็น 15,649.60 จุด
ดัชนีดาวโจนส์สำหรับการขนส่งพุ่งขึ้น 6.9% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้น Avis Budget ที่พุ่งขึ้น 108% สำหรับ S&P 500 ภาควัสดุกลายเป็นผู้นำด้วยการเพิ่มขึ้น 1.1% ในทางกลับกันภาคพลังงานลดลง 1%
ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะประกาศลด QE ในวันพุธนี้ และให้ความสนใจกับความคิดเห็นเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา Randy Frederick รองประธานฝ่ายการซื้อขายและสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ Charles Schwab กล่าวว่า “ตลาดจะมีความสุขเมื่อพวกเขาได้ในสิ่งที่คาดหวัง และฉันคิดว่าความคาดหวังก็คือการทำ Taper จะเป็นไปอย่างช้า ๆ”
หุ้นของ Under Armour Inc พุ่งขึ้น 16.5% หลังจากที่ผู้ผลิตเสื้อผ้ากีฬาเพิ่มการคาดการณ์ประจำปี
S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ 58 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 4 ครั้ง Nasdaq Composite ทำสถิติสูงสุดใหม่ 182 ครั้งและระดับต่ำสุดใหม่ 51 ครั้ง
ปริมาณการแลกเปลี่ยนหุ้นในสหรัฐอยู่ที่ 10,200 ล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ยที่ 10.3 พันล้านต่อวันในช่วง 20 เซสชันล่าสุด
แหล่งข่าว Wall Street mints record highs, helped by strong earnings; Fed up next โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand