นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายของประชาชนและผู้ประกอบการในช่วงเทศกาลตรุษจีน ที่สำรวจช่วงวันที่ 17-24 ม.ค.65 ว่า ตรุษจีนปี 65 คาดจะมีมูลค่าการใช้จ่าย 39,627.79 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่ปี 55 และลดลง 11.82% เทียบจากปีก่อน ที่มีเงินสะพัด 44,939.66 ล้านบาท และปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 เพราะประชาชนมองว่าราคาสินค้าแพงขึ้น รายได้ไม่เพิ่มขึ้น แต่มีหนี้ครัวเรือนสูงขึ้น โดยผู้ตอบ 21.9% ระบุว่า จะจ่ายแตะเอียลดลง เฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ 1,396 บาท “เป็นปีที่การใช้จ่ายตรุษจีนประหยัดที่สุดจากที่สำรวจมา และการติดลบปีนี้ต่างจากปีก่อน ที่ติดลบเพราะการแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ปีนี้กังวลเรื่องปัญหาหนี้เพิ่ม สภาพเศรษฐกิจบอบช้ำ รายได้ไม่ดี คนไม่มีเงิน กำลังซื้อจึงไม่ดี ราคาสินค้าแพง จึงต้องประหยัด ขณะที่ความกังวลต่อเชื้อโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนระบาด ต่ำกว่าปัญหาปากท้อง แต่เพื่อรักษาธรรมเนียม จึงยังต้องไหว้ และสังเกตได้ว่าส่วนใหญ่จะซื้อไข่เพิ่ม ทดแทนการซื้อโปรตีนหรือเนื้อสัตว์ที่มีราคาสูงมาก โดยเฉพาะการซื้อเพื่อบริโภคในชีวิตประจำวัน”
สำหรับการที่เงินสะพัดในช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ ลดลง 5,000 ล้านบาทเทียบจากปีก่อน ส่งผลต่อการขยายตัวของจีดีพีประมาณ 0.05% แต่ในช่วงเดียวกันรัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น คนละครึ่ง คาดว่าพอจะช่วยทดแทนกันได้ แต่การลดวงเงินคนละครึ่งเหลือคนละ 1,200 บาท จากเดิม 1,500 บาท ทำให้เม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจหายไป 18,000 ล้านบาท ส่งผลให้การกระตุ้นเศรษฐกิจหายไป 0.15-0.2% นอกจากนี้ ยังได้สำรวจผู้ที่มีรายได้ต่ำกว่าเดือนละ 20,000 บาท พบว่าความเป็นอยู่จะได้รับผลกระทบและมีปัญหาหนี้เพิ่มขึ้น โดยสามารถทนทานต่อภาระหนี้หากยังไม่มีรายได้เพิ่มได้อีกราว 18 เดือน
แหล่งข่าว ตรุษจีนปีนี้เงินสะพัดต่ำสุดรอบ 11 ปี, ไทยรัฐ, 28 ม.ค. 2565
