ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวเป็นอัมพาต
ความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ส่งผลให้การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวชะงักในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดอีกครั้งได้ในวันศุกร์
การหยุดชะงักเต็มวันของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ให้มีการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2542 ส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อหุ้นคืนหลังจากการดีเบตครั้งแรกในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของ TSE ซึ่งอาจลดความหวังในการดึงดูดธนาคารและ Fund Manager จากฮ่องกงจากความกังวลกฎหมายความปลอดภัยฉบับใหม่จากจีน
ในด้าน TSE เผยว่า การหยุดชะงักสาเหตุจากปัญหาฮาร์ดแวร์ของระบบการซื้อขาย "Arrowhead" และ Failure ในการใช้อุปกรณ์ Backup อย่างไรก็ตาม จะมีการแก้ไขอย่างเร็วที่สุด
ข้อมูลจาก World Federation of Exchanges ระบุว่า นักลงทุนหลายคนคาดหวังที่จะซื้อหุ้นคืนหรือเพิ่มการถือครองหลังจากที่วอลล์สตรีทเพิ่มขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ ในนาโกย่า ฟุกุโอกะ และซัปโปโร ก็ต้องระงับการซื้อขายเนื่องจากใช้ระบบ TSE ทำให้ เหลือเพียง Osaka Exchange ที่เน้นอนุพันธ์เป็นตลาดตราสารทุนเพียงแห่งเดียวที่ยังคงดำเนินอยู่ในญี่ปุ่น
ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความกังวลในด้านความสามารถประมวลผลคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของ TSE
ฟิวเจอร์สของ Nikkei ในกรุงโอซาก้าเพิ่มขึ้น 0.56% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของหุ้นสหรัฐ ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายหุ้นบนกระดานหลักของ TSE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,130 ล้าน แต่ก่อนหน้านี้ TSE เคยส่อเค้าที่จะเกิดปัญหาทางเทคนิคมาแล้ว และมีการซื้อขายซบเซา แต่ระบบได้เริ่มมีความผิดพลาดที่น้อยลงนับตั้งแต่มีการนำระบบใหม่มาปรับใช้นับตั้งแต่ปี 2553 บริษัท Fujitsu ผู้พัฒนาระบบการซื้อขายกล่าวว่า กำลังตรวจสอบปัญหา
ดันชี Nikkei ลดลง 1.5% ในวันพุธ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบสองเดือนจากการดีเบตที่ดุเดือดในสหรัฐฯ
แหล่งข่าว Tokyo Stock Exchange paralysed by hardware glitch in worst-ever outage โดย Reuters.
แปลโดยทีม Tradersthailand
ความล้มเหลวของฮาร์ดแวร์ส่งผลให้การซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์โตเกียวชะงักในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถเปิดอีกครั้งได้ในวันศุกร์
การหยุดชะงักเต็มวันของตลาดหลักทรัพย์โตเกียว (TSE) เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ให้มีการซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ในปี 2542 ส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อหุ้นคืนหลังจากการดีเบตครั้งแรกในสหรัฐฯ นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความน่าเชื่อถือของ TSE ซึ่งอาจลดความหวังในการดึงดูดธนาคารและ Fund Manager จากฮ่องกงจากความกังวลกฎหมายความปลอดภัยฉบับใหม่จากจีน
ในด้าน TSE เผยว่า การหยุดชะงักสาเหตุจากปัญหาฮาร์ดแวร์ของระบบการซื้อขาย "Arrowhead" และ Failure ในการใช้อุปกรณ์ Backup อย่างไรก็ตาม จะมีการแก้ไขอย่างเร็วที่สุด
ข้อมูลจาก World Federation of Exchanges ระบุว่า นักลงทุนหลายคนคาดหวังที่จะซื้อหุ้นคืนหรือเพิ่มการถือครองหลังจากที่วอลล์สตรีทเพิ่มขึ้นในชั่วข้ามคืน แต่ไม่สามารถทำได้ นอกจากนี้ ในนาโกย่า ฟุกุโอกะ และซัปโปโร ก็ต้องระงับการซื้อขายเนื่องจากใช้ระบบ TSE ทำให้ เหลือเพียง Osaka Exchange ที่เน้นอนุพันธ์เป็นตลาดตราสารทุนเพียงแห่งเดียวที่ยังคงดำเนินอยู่ในญี่ปุ่น
ในช่วงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่เหตุการณ์ดังกล่าวก่อให้เกิดความกังวลในด้านความสามารถประมวลผลคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นของ TSE
ฟิวเจอร์สของ Nikkei ในกรุงโอซาก้าเพิ่มขึ้น 0.56% ในวันพฤหัสบดี ซึ่งสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของหุ้นสหรัฐ ในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ปริมาณการซื้อขายหุ้นบนกระดานหลักของ TSE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,130 ล้าน แต่ก่อนหน้านี้ TSE เคยส่อเค้าที่จะเกิดปัญหาทางเทคนิคมาแล้ว และมีการซื้อขายซบเซา แต่ระบบได้เริ่มมีความผิดพลาดที่น้อยลงนับตั้งแต่มีการนำระบบใหม่มาปรับใช้นับตั้งแต่ปี 2553 บริษัท Fujitsu ผู้พัฒนาระบบการซื้อขายกล่าวว่า กำลังตรวจสอบปัญหา
ดันชี Nikkei ลดลง 1.5% ในวันพุธ ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดในรอบสองเดือนจากการดีเบตที่ดุเดือดในสหรัฐฯ
แหล่งข่าว Tokyo Stock Exchange paralysed by hardware glitch in worst-ever outage โดย Reuters.
แปลโดยทีม Tradersthailand
