ตลาดฟิวเจอร์สหุ้นในยุโรปและสหรัฐฯ ต่างเป็นสีแดง ฟิวเจอร์ส Eurostoxx 50 ลดลง 1.7% ขณะที่ ฟิวเจอร์ส DAX ของเยอรมนีและ FTSE ของลอนดอนลดลง 1.3%
ดัชนี MSCI หุ้นเอเชียแปซิฟิกยกเว้นญี่ปุ่นลดลงมากกว่า 3% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน เป็นรอบวันที่ตกมากที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2563 และลดลงมากกว่า 5% เป็นรอบสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่เดือน มี.ค. ปีที่แล้ว ปริมาณการเทขายส่งผลให้ธนาคารกลางของออสเตรเลียซื้อพันธบัตรในระดับที่น่าประหลาดใจ
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีลดลงกลับมาที่ 1.538% จากระดับสูงสุดในรอบ 1 ปีที่ 1.614% แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 40 จุดพื้นฐานในเดือนนี้ซึ่งถือเป็นการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559
ฟิวเจอร์สของกองทุนเฟด full price โดยเพิ่มขึ้นเป็น 0.25% ภายในเดือน ม.ค. 2566 ขณะที่ Eurodollars สำหรับเดือนมิ.ย. 2565 ราคาลดลง
Nikkei ของญี่ปุ่นลดลง 3.7% และบลูชิปของจีนก็ลดลง 2.5%
ในชั่วข้ามคืน Dow ลดลง 1.75% ขณะที่ S&P 500 ลดลง 2.45% และ Nasdaq 3.52% ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบเกือบสี่เดือน โดย Apple Inc, Tesla Inc, Amazon.com Inc, NVIDIA Corp และ Microsoft Corp เป็นตัวหลักในการลากดัชนีลง
อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.4% ในเดือน ม.ค. ซึ่งอาจช่วยให้ตลาดสงบลงได้ การเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐทำให้เกิดความวุ่นวายในตลาดเกิดใหม่ซึ่งกลัวว่าผลตอบแทนที่ดีกว่าในสหรัฐฯ จะดูดเงินทุนออกไป
สกุลเงินที่ได้รับความนิยมสำหรับการซื้อขาย อาทิ เรียลบราซิล ลีราตุรกี และแรนด์แอฟริกาใต้ กระแสดังกล่าวช่วยผลักดันให้ดอลลาร์สหรัฐขึ้นในวงกว้าง โดยดัชนีดอลลาร์เพิ่มขึ้นเป็น 90.371 ร่วมกับเงินเยนที่ให้ผลตอบแทนต่ำที่ 106.42 เงินยูโรผ่อนคลายลงแตะ 1.2152 ดอลลาร์
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นทำให้ทองคำตกลง 1,760.8 ดอลลาร์ต่อออนซ์จากระดับสูงสุดของสัปดาห์ที่ประมาณ 1,815 ดอลลาร์ แต่นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะแตะระดับ 2.5% ในปีนี้ ร่วมกับเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงอีกทองคำจะทำยานขึ้นไปที่ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้
WTI ลดลง 67 เซนต์ปิดที่ 62.86 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับเบนรท์ลดลง 67 เซนต์เป็น 66.21 ดอลลาร์
แหล่งข่าว Asian markets roiled by global bond whiplash โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand