Menu
Forums
New posts
Search forums
What's new
New posts
Blog
Latest activity
Members
Current visitors
เกี่ยวกับเรา
Groups
Search groups
Upcoming events
ภาษา (🇺🇸 🇹🇭)
Log in
Register
What's new
Search
Search
Search titles only
By:
New posts
Search forums
Menu
Log in
Register
Forums
ข่าวการเงิน
Forum ข่าวการเงินต่างประเทศ ข่าวการเงินรอบโลก
ธนาคารกลางเคลื่อนไหวและห่วงโซ่อุปทานที่ชะงักกำลังสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก
JavaScript is disabled. For a better experience, please enable JavaScript in your browser before proceeding.
Reply to thread
Message
<p>[QUOTE="WealthUp, post: 4415, member: 27"]</p><p style="text-align: center">[ATTACH=full]4811[/ATTACH]</p><p></p><p>นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์ชี้ ธนาคารกลางลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉินเร็วเกินไปและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้า และการระบาดยังคงอยู่</p><p></p><p>แม้ว่าปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการฟื้นตัวและยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีการผ่อนคลายอย่างกระทันหัน แต่ตลาดหุ้นบางแห่งกำลังซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นในขณะนี้</p><p></p><p>โพลของรอยเตอร์สอบถามนักเศรษฐศาสตร์มากกว่า 500 คนจากทั่วโลกสรุปว่าธนาคารกลาง 13 จาก 25 แห่งจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนสิ้นปีหน้า โดยบางแห่งเริ่มปรับแล้ว เช่น ธนาคารกลางของนิวซีแลนด์ รัสเซีย และบราซิล</p><p></p><p>แต่นักเศรษฐศาสตร์ประมาณหนึ่งในสี่ของ 171 คนที่ตอบคำถามเพิ่มเติมกล่าวว่า ธนาคารกลางที่ลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วเกินไปเป็นหนึ่งในความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนใกล้เคียงกันกล่าวว่าการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจะเป็นสร้างผลกระทบไปจนถึงปี 2565</p><p></p><p>Jan Lambregts หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์และการวิจัยตลาดโลกกล่าวว่า "ธนาคารกลางรายใหญ่หลายแห่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าหาทางออกอย่างระมัดระวัง แต่พวกไม่ได้ทำเพราะความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อต่างหากที่กดดันทิศทางของธนาคารกลาง"</p><p></p><p>การเติบโตทั่วโลกคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 4.5% ในปีหน้า จากที่ขยายตัว 5.9% ในปีนี้ การเติบโตคาดว่าจะชะลอตัวลงอีกในปี 2566 ที่ 3.5% ตามการสำรวจความคิดเห็น</p><p></p><p>ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า และธนาคารกลางยุโรปคาดว่าจะปรับขึ้นในปี 2567 แต่ขณะนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าจะไม่ทำอะไรกับอัตราดอกเบี้ย นักเศรษฐศาสตร์ปรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสำหรับ 18 ประเทศจาก 21 ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยอยู่ระหว่าง 0.1 ถึง 0.7 จุดเปอร์เซ็นต์ และสำหรับ 15 จาก 27 ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ระหว่าง 0.1 ถึง 1.8 จุด</p><p></p><p>แต่เกือบสองในสามของนักเศรษฐศาสตร์ 117 คนจากทั้งหมด 182 คน ซึ่งตอบคำถามเพิ่มเติม กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ผู้ตอบแบบสอบถามที่เหลือ 65 คนกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในจำนวนนี้กว่า 60% กล่าวว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของโลก</p><p></p><p>lส่วนการเติบโตในจีน คาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 5.5% ในปี 2565 จากการขยายตัวที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.2% ในปีนี้</p><p></p><p>แหล่งข่าว Central bank moves and supply shocks among top risks to global economy: Reuters poll โดย Reuters</p><p></p><p>แปลโดยทีม TradersThailand</p><p>[/QUOTE]</p>
[QUOTE="WealthUp, post: 4415, member: 27"] [CENTER][ATTACH type="full"]4811[/ATTACH][/CENTER] นักเศรษฐศาสตร์จากการสำรวจของรอยเตอร์ชี้ ธนาคารกลางลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจฉุกเฉินเร็วเกินไปและการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานเป็นหนึ่งในความเสี่ยงสูงสุดต่อเศรษฐกิจโลกในปีหน้า และการระบาดยังคงอยู่ แม้ว่าปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานจะเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อการฟื้นตัวและยังไม่มีสัญญาณบ่งชี้ว่ามีการผ่อนคลายอย่างกระทันหัน แต่ตลาดหุ้นบางแห่งกำลังซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะสูงขึ้นในขณะนี้ โพลของรอยเตอร์สอบถามนักเศรษฐศาสตร์มากกว่า 500 คนจากทั่วโลกสรุปว่าธนาคารกลาง 13 จาก 25 แห่งจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนสิ้นปีหน้า โดยบางแห่งเริ่มปรับแล้ว เช่น ธนาคารกลางของนิวซีแลนด์ รัสเซีย และบราซิล แต่นักเศรษฐศาสตร์ประมาณหนึ่งในสี่ของ 171 คนที่ตอบคำถามเพิ่มเติมกล่าวว่า ธนาคารกลางที่ลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วเกินไปเป็นหนึ่งในความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก ผู้ตอบแบบสอบถามจำนวนใกล้เคียงกันกล่าวว่าการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานจะเป็นสร้างผลกระทบไปจนถึงปี 2565 Jan Lambregts หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์และการวิจัยตลาดโลกกล่าวว่า "ธนาคารกลางรายใหญ่หลายแห่งกำลังเคลื่อนตัวเข้าหาทางออกอย่างระมัดระวัง แต่พวกไม่ได้ทำเพราะความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อต่างหากที่กดดันทิศทางของธนาคารกลาง" การเติบโตทั่วโลกคาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 4.5% ในปีหน้า จากที่ขยายตัว 5.9% ในปีนี้ การเติบโตคาดว่าจะชะลอตัวลงอีกในปี 2566 ที่ 3.5% ตามการสำรวจความคิดเห็น ธนาคารกลางอังกฤษ ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา คาดว่าจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า และธนาคารกลางยุโรปคาดว่าจะปรับขึ้นในปี 2567 แต่ขณะนี้ธนาคารกลางญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าจะไม่ทำอะไรกับอัตราดอกเบี้ย นักเศรษฐศาสตร์ปรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสำหรับ 18 ประเทศจาก 21 ประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยอยู่ระหว่าง 0.1 ถึง 0.7 จุดเปอร์เซ็นต์ และสำหรับ 15 จาก 27 ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ระหว่าง 0.1 ถึง 1.8 จุด แต่เกือบสองในสามของนักเศรษฐศาสตร์ 117 คนจากทั้งหมด 182 คน ซึ่งตอบคำถามเพิ่มเติม กล่าวว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นอีกในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ผู้ตอบแบบสอบถามที่เหลือ 65 คนกล่าวว่าอัตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในจำนวนนี้กว่า 60% กล่าวว่ามีความเสี่ยงสูงที่จะส่งผลกระทบต่อการเติบโตของโลก lส่วนการเติบโตในจีน คาดว่าจะชะลอตัวลงเหลือ 5.5% ในปี 2565 จากการขยายตัวที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.2% ในปีนี้ แหล่งข่าว Central bank moves and supply shocks among top risks to global economy: Reuters poll โดย Reuters แปลโดยทีม TradersThailand [/QUOTE]
Preview
Name
Verification
Post reply
Forums
ข่าวการเงิน
Forum ข่าวการเงินต่างประเทศ ข่าวการเงินรอบโลก
ธนาคารกลางเคลื่อนไหวและห่วงโซ่อุปทานที่ชะงักกำลังสร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก
Top