นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวในงานประชุมนักวิเคราะห์ (Analyst Meeting) ครั้งที่ 3/65 ว่าเศรษฐกิจโลกผันผวนมากขึ้นจาก 3 ด้านหลักๆ คือ 1.อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง ค่าเฉลี่ยเงินเฟ้อโลกอยู่ที่ 8.8% 2.กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่า ประเทศ 1 ใน 3 ของโลก ภาวะเศรษฐกิจจะหดตัวในปีหน้า และเศรษฐกิจโลกจะโต 2% กว่าๆ ซึ่งเกิดขึ้นไม่ถึง 5 ครั้งนับตั้งแต่วิกฤติความซบเซาครั้งใหญ่ของโลกในปี 2513 และ 3.ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังมีสูงมาก
“ในส่วนของไทยการทยอยขึ้นดอกเบี้ยเพื่อดูแลเงินเฟ้อ และทำให้ดอกเบี้ยเข้าสู่ภาวะปกติยังต้องเกิดขึ้นต่อไป ภายใต้หลักการเศรษฐกิจยังไปต่อได้โดยไม่เพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ ขณะนี้เศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงฟื้นตัว แต่ยังห่างไกลช่วงที่เติบโตเต็มศักยภาพ กว่าจะกลับมาขยายตัวเต็มศักยภาพ ต้องใช้เวลาปีครึ่งถึงสองปี ซึ่งช่วงนั้นดอกเบี้ยจะเข้าสู่ภาวะปกติได้ ดอกเบี้ยนโยบายที่ 1% จึงยังไม่ใช่ระดับปกติยังต้องขึ้นต่อ”
สำหรับการอ่อนค่าของเงินบาทตั้งแต่ต้นปีถึงขณะนี้ 12.1% เป็นไปตามทิศทางเงินดอลลาร์สหรัฐฯ และพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยไม่กระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยมากนัก ยังไม่จำเป็นต้องปรับดอกเบี้ยเพื่อดูแลค่าเงิน
ด้านนายสุรัช แทนบุญ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายนโยบายการเงิน ธปท. กล่าวว่า ทิศทางนโยบายการเงินในช่วงต่อไป จะเป็นการทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่จะปรับไปตามสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ เงินเฟ้อ และปัจจัยที่เข้ากระทบ โดยหากเศรษฐกิจไทยขยายตัวดีขึ้นกว่าคาด การปรับขึ้นนโยบายการเงินอาจจะสูงกว่า 0.5% หรือหากเศรษฐกิจชะลอตัวกว่าที่คาด อาจหยุดชั่วคราวหรือลดอัตราการปรับขึ้นดอกเบี้ย.
แหล่งข่าว ธนาคารแห่งประเทศไทยคาดอีก 2 ปีเศรษฐกิจโตเต็มศักยภาพ, ไทยรัฐ, 18 ต.ค. 2565
