การกวาดซื้อหุ้นหลังจากการ pullback ได้รับความนิยมสำหรับนักลงทุนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่นักยุทธศาสตร์ของวอลล์สตรีทบางคนชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
Ryan Detrick หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ LPL Financial กล่าวว่า ดัชนี S&P 500 ได้ลดลงทั้งหมด 25 ครั้งอย่างน้อย 5% นับตั้งแต่ต้นปี 2555 หลังจากที่ดัชนีเพิ่มขึ้นมากกว่า 240% ในช่วงนั้น
ในวันพุธที่ผ่านมา นักยุทธศาสตร์ของ JPMorgan Marko Kolanovic ชี้ว่า การระบาดใหญ่กระตุ้นให้นักลงทุนซื้อหุ้นวัฏจักรที่มีความอ่อนไหวทางเศรษฐกิจซึ่งจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวเศรษฐกิจในวงกว้าง
อย่างไรก็ตาม คนอื่น ๆ กังวลว่า Buy the dip ครั้งล่าสุดอาจมาพร้อมกับความเสี่ยงในระยะสั้นมากกว่าเมื่อก่อน เนื่องจากนักลงทุนต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ตั้งแต่โครงการซื้อพันธบัตรรัฐบาลของธนาคารกลางสหรัฐที่จะลดลง ตลอดจนการเจรจาที่ยืดเยื้อในการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐ
นักวิเคราะห์จาก BofA Global Research เตือนว่า “ยังห่างไกลจากความชัดเจน” ขณะที่เฟดเตรียมที่จะลด QE
Target ของ S&P 500 คือ 4,250 จุดซึ่งต่ำกว่าราคาปิดของวันอังคารประมาณ 2% อย่างไรก็ตาม Morgan Stanley กล่าวว่า S&P 500 อาจร่วงลงมากถึง 20% หากเศรษฐกิจและรายได้ “คลายตัวลง” ขณะที่เฟดกระชับนโยบายขึ้น
Shawn Snyder หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนของ Citi US Wealth Management ชี้ว่า การต่อสู้ในการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐฯ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยงในระยะสั้นที่สำคัญ นอกจากนี้ ยังมีเรื่องราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับการล่มสลายของ China Evergrande Group ทั้งนี้ S&P 500 ยังคงเพิ่มขึ้น 15.5% ตั้งแต่ต้นปี
JJ Kinahan หัวหน้านักยุทธศาสตร์การตลาดของ TD Ameritrade กล่าวว่า Buy the dip อาจไม่ได้ผลอย่างที่ผ่านมาเนื่องจากนักลงทุนทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นักยุทธศาสตร์ของ Morgan Stanley คาดว่า S&P 500 จะลดลงประมาณ 10% จากการที่เฟดกระชับนโยบายการเงินจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ในอีกกรณีหากเศรษฐกิจและกำไรผลประกอบการบริษัทชะลอตัวลงดัชนีก็อาจลดลงถึง 20%
แหล่งข่าว Buying the dip? Not so fast, some Wall St banks say โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand