ในบรรดาผู้จัดการกองทุนของสหรัฐหลายสิบรายที่ได้รับการติดต่อจากสำนักข่าวรอยเตอร์จากบริษัทต่างๆ ที่ดูแลสินทรัพย์มูลค่าประมาณ 7 ล้านล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่ชอบบริษัทน้ำมันในการทำผลตอบแทน ด้วยราคาน้ำมันและก๊าซที่พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ ธุรกิจน้ำมันรายใหญ่ของสหรัฐส่วนใหญ่ให้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นและบรรลุรายได้อย่างก้าวกระโดด
Michael Liss ผู้จัดการพอร์ตอาวุโสของ American Century Value Fund กล่าวว่า มีการลงทถนในธุรกิจน้ำมันของสหรัฐฯ มากกว่ายุโรป ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบริษัทอเมริกันใช้ทุนน้อยลงในสิ่งต่างๆ เช่น พลังงานหมุนเวียนและเชื้อเพลิงทางเลือก
บริษัทน้ำมันชั้นนำของสหรัฐ Chevron Corp, Exxon Mobil Corp และ ConocoPhillips ปฏิเสธบทบาทโดยตรงในด้านพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ และได้ทุ่มงบน้อยลงในแผนการเปลี่ยนแปลงด้านพลังงานเมื่อเทียบกับยุโรป โดยส่วนใหญ่ต่างคาดว่าจะเพิ่มการผลิตน้ำมัน
รัฐบาลสหรัฐและยุโรปต่างกันตรงที่พวกเขาต้องการให้บริษัทน้ำมันลดการปล่อยมลพิษ ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯ เต็มใจที่จะใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในการดักจับและจัดเก็บคาร์บอน รัฐบาลเยอรมันและอังกฤษได้ผ่านกฎหมายที่กำหนดให้มีการลดก๊าซเรือนกระจก
เงินที่ไหลเข้าสู่หุ้นน้ำมันนั้นตรงกันข้ามกับกองทุนที่คำนึงถึงสภาพอากาศ กองทุนหุ้นสหรัฐได้รับการจัดอันดับให้เป็น "ยั่งยืน" โดย Morningstar
ซึ่งส่วนใหญ่จะหลีกเลี่ยงหุ้นเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์ โดยมีมูลค่า 25.7 พันล้านดอลลาร์ในปีนี้จนถึงวันที่ 30 กันยายน มากกว่าครึ่งหนึ่งของการไหลเข้ากองทุนหุ้นของสหรัฐฯ ซึ่งไม่เน้นที่ความยั่งยืนอย่างชัดเจน
มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ร็อคกี้เฟลเลอร์ บราเธอร์ส และสถาบันอื่นๆ ของสหรัฐฯ ได้เข้าร่วมการเคลื่อนไหวที่นำโดยกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของนอร์เวย์ เพื่อลดการครองหุ้นเชื้อเพลิงฟอสซิล การนับโดยนักเคลื่อนไหวเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าสถาบันต่างๆ ที่มีสินทรัพย์รวม 39.2 ล้านล้านดอลลาร์ได้ให้คำมั่นในการขายเชื้อเพลิงฟอสซิลบางรูปแบบ
แหล่งข่าว Investors on board as U.S. oil majors dismiss wind and solar projects โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand