มีหลายความเป็นไปได้ที่หุ้นสื่อสารปรับขึ้นวานนี้ แม้ไม่มีประเด็นที่ทำให้หุ้นปรับขึ้นอย่างชัดเจน แต่เราประเมินหุ้นในกลุ่มปรับขึ้นจากการเก็งกำไรในหลายปัจจัยได้แก่
1) เก็งกำไรประเด็นการควบรวมหรือเข้าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้น 2) เก็งกำไรโอกาสจ่ายปันผลพิเศษของ ADVANC ที่มีกำไรสะสมอยู่ประมาณ 5.3 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นใหญ่ใน INTUCH ซึ่งน่าจะคาดหวังกระแสเงินสดกลับเข้าไปยังผู้ถือหุ้นหลังการเข้าซื้อกิจการด้วยเงินกู้ (ซึ่งจะคล้ายกับกรณีของ SVI และ NOBLE เป็นต้น) 3) ใช้เป็นหุ้นพักเงินหรือหลุมหลบภัย จากสถานการณ์ระบาดของสายพันธ์โอไมครอนที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วง 1 เดือนข้างหน้า
ถอดบทเรียนระบาดรอบล่าสุดหุ้นอังกฤษและสหรัฐฯ สถานการณ์ระบาดของโควิดรอบล่าสุดในอังกฤษและสหรัฐฯ เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วง ต้นพ.ย. โดยจำนวนผู้ติดเชื้ออังกฤษเพิ่มจากประมาณ 3 หมื่นราย ขึ้นมาถึงล่าสุด 1 แสนราย/วัน (เทียบกับ peak ที่ 67,794 ราย เมื่อ 8 ม.ค.64) ขณะที่ระดับการเสียชีวิตจากใกล้ 300 ราย/วัน ลงมาเหลือ 110-140 ราย (เทียบกับ peak ที่ 1,824 ราย เมื่อ 20 ม.ค.64) ขณะที่สหรัฐฯ จำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มจากประมาณ 8 หมื่นราย ขึ้นมาถึงล่าสุด 2.3 แสนราย/วัน (เทียบกับ peak ที่ 306,314 ราย เมื่อ 8 ม.ค.64) ระดับการเสียชีวิต ทรงตัวแถว 1.6-2 พันราย/วัน (เทียบกับ peak ที่ 4,433 ราย เมื่อ 21 ม.ค.64) ซึ่งจะเห็นว่าอัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับที่ดีกว่าการระบาดรอบก่อนๆ มาก โดยความผันผวนของดัชนีหุ้นอังกฤษ (FTSE100) และหุ้นสหรัฐฯ (S&P500) ปรับลดลงราว 5.5% และ 4.4% ตามลำดับ // อย่างไรก็ตามหุ้นไทยคาดผันผวนน้อยกว่านั้นจากความเข้าใจเกี่ยวกับการระบาดที่มีมากขึ้น และแรงส่งจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ทำให้การย่อตัวในช่วงต้นปี น่าจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
ธีมการลงทุนระยะสั้น 1) วัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้น บวกกับกลุ่มธนาคารและประกัน อาทิ BBL, KBANK, SCB, TIPH 2) หุ้นบริโภคในประเทศ CPN, CRC, CPALL, MAKRO 3) ความขัดแย้งสหรัฐฯ-จีน หนุนการย้ายฐานผลิตมาไทย บวกกับ AMATA, WHA, ROJNA, CCET, SMT 4) กลุ่มการเงินหรือ IPO ที่ยังขึ้นน้อย IFS, PIN, ONEE, CV, UBE, DMT, ASW 5) ทยอยสะสม สื่อสาร สาธารณูปโภค ADVANC, DTAC, FTREIT, WHART, GULF, GPSC, EGCO, RATCH, EASTW, WHAUP, TTW 6) กลุ่มได้ประโยชน์จากโควิด BCH, CHG, STA, STGT, SMD, WINMED อาจฟื้นช่วงสั้น แต่เราคงมุมมองระวังจากกำไรที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยชอบ RAM
ภาพรวมกลยุทธ์: ฟื้นตัวโดยมีแนวต้าน 1,650-1,660 จุด หลังกังวลโควิดผ่อนคลายลง และมาตรการของขวัญปีใหม่ ที่สร้างจิตวิทยาบวกต่อการลงทุน อย่างไรก็ตามตลาดอาจโยกเงินบางส่วนไปในหุ้นปลอดภัยเพื่อบริหารความเสี่ยงการระบาดของสายพันธ์โอไมครอนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงม.ค.-ก.พ.65 //หุ้นแนะนำ: BLA*, ONEE*, TKN*, IND*
แนวรับ: 1,608-1,620 / แนวต้าน : 1,650-1,655 จุด สัดส่วน : เงินสด 50% : พอร์ตหุ้น 50%
ประเด็นการลงทุน
ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ - ยอดขายบ้านใหม่ อยู่ที่ 744,000 ยูนิค เพิ่มขึ้น 12% (ตลาดคาดที่ 766,000 ยูนิต)/ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐ เช่น เครื่องบิน รถยนต์ และเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป เพิ่มขึ้น 2.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากกระเตื้องขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนต.ค. / ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ธ.ค.เพิ่มเป็น 70.6 จากพ.ย.ที่ 67.4
แพ็คเกจส่งเสริมรถ EV - นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ชุดมาตรการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยนั้นคาดว่าจะสามารถประกาศได้ต้นปี 65
รัฐบาลปฏิเสธข่าวลือล็อกดาวน์ทั้งประเทศ - นางสาวนัทรียา ทวีวงศ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ชี้แจงกรณีมีกระแสข่าวลือที่จะมีการล็อกดาวน์ทั้งประเทศนั้นว่า ไม่เป็นความจริง ส่วนการงดจัดงานเคาน์ดาวน์ปีใหม่ในกรุงเทพฯนั้น เป็นเฉพาะงานที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้จัด
TPIPL อนุมัติซื้อหุ้นคืน - ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 12/2564 วันที่ 23 ธ.ค.64 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน (Treasury Stock) ของบริษัทฯ จำนวน 191,265,000 หุ้น คิดเป็น 1% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด ภายในวงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 450 ล้านบาท โดยกำหนดระยะเวลาที่จะซื้อหุ้นคืน นับตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.-10 เม.ย.65
ประเด็นติดตาม: - 28 ธ.ค. – US Consumer Confidence เดือน ธ.ค.
(* หมายถึง หุ้นทางกลยุทธ์ ซึ่งอาจมีคำแนะนำต่างกับพื้นฐาน หรือที่ไม่ ได้อยู่ในการวิเคราะห์ของ UOBKH ซึ่งนักลงทุนควรพิจารณาตั้งจุดตัดขาดทุน 3-5% ของราคาที่เข้าซื้อ)
แหล่งข่าว นักลงทุนอาจใช้หุ้นสื่อสารเพื่อประกันความเสี่ยงโควิด, bangkokbiznews, 24 ธ.ค. 2564