1. Nike รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ออกมาเหนือความคาดหมายและหุ้นพุ่งเกินราคาเป้าหมายก่อนหน้านี้ Brian Nagel นักวิเคราะห์ของ Oppenheimer มองการเติบโตระยะยาวของบริษัทฯ ยังคงแข็งแกร่ง โดยเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 150 ดอลลาร์เป็น 195 ดอลลาร์ โอกาสกลับหัวเพิ่มขึ้นเป็น 18%
ในปีงบประมาณ 2565 การเติบโตของยอดขายถูกกำหนดให้อยู่ในช่วงเลขสองหลักที่ต่ำ โดยมีรายได้รวมกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ การประมาณการมีอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 125 ถึง 150 คะแนนตามเกณฑ์ และการเติบโตของเงินดอลลาร์ SG&A สูงกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น หนึ่งจุดพื้นฐานเท่ากับ 0.01% นักวิเคราะห์จึงให้คะแนนอัตราความสำเร็จ 77% และผลตอบแทนต่อเรตติ้งเฉลี่ย 35.6%
2. F5 Networks ระหว่างการเรียกผลประกอบการไตรมาสสามของปีงบการเงิน ราคาหุ้นของ F5 Networks พุ่งขึ้น Alex Henderson นักวิเคราะห์ของ Needham มองว่า “ข่าวดียังคงดำเนินต่อไป” เพิ่มราคาเป้าหมายจาก 255 ดอลลาร์เป็น 265 ดอลลาร์ การกลับหัว 31%
ผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ทำผลงานเพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสนี้ เทียบกับการเปรียบเทียบ 44% จากข้อมูลของฝ่ายบริหารพบว่า NGINX มีข้อตกลงที่มากขึ้นสำหรับ NGINX และการเพิ่มยอดขายของความสามารถใหม่ด้วย NGINX App Protect, API Gateway และ Application Controller Products ยิ่งไปกว่านั้น ความต้องการผลิตภัณฑ์ Shape Security ยังแข็งแกร่งขึ้น
Alex Henderson ให้คะแนนอัตราความสำเร็จ 69% และผลตอบแทนเฉลี่ย 28.7% ต่อการจัดอันดับ
3. Tesla หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างแข็งแกร่ง Vijay Rakesh นักวิเคราะห์ของ Mizuho ยังคงผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าสามารถทำกำไรเพิ่มขึ้นอีกต่อเนือง และปรับราคาเป้าหมายจาก 820 ดอลลาร์เป็น 825 ดอลลาร์ โอกาสกลับตัวอยู่ที่ 28%
รายได้สำหรับไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 12 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 11.4 พันล้านดอลลาร์ กำไรต่อหุ้นที่ 1.45 ดอลลาร์ ในไตรมาสล่าสุด การส่งมอบ Model S/X ได้เริ่มต้นขึ้นใหม่ และ Rakesh เชื่อว่ารุ่นที่ปรับปรุงใหม่จะช่วยขับเคลื่อนการปรับปรุง ASP และอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงครึ่งหลังของปี
Vijay Rakesh ให้คะแนนอัตราความสำเร็จ 65% และผลตอบแทนต่อเรตติ้งเฉลี่ย 24.7%
4. Calix หลังจาก "การรายงานผลประกอบการที่แข็งแกร่งอีกครั้ง" George Notter จาก Jefferies ย้ำคำแนะนำซื้อ และเพิ่มราคาเป้าหมายจาก 52 ดอลลาร์เป็น 58 ดอลลาร์ โอกาสกลับตัวถึง 25%
ในไตรมาสที่สาม Notter ตั้งข้อสังเกตว่า "ดูดีเหมือนกัน" ฝ่ายบริหารคาดการณ์ยอดขายไตรมาส 3 ที่ 167 ล้านดอลลาร์และกำไรต่อหุ้น 0.28 ดอลลาร์ ขณะเดียวกันวอลล์สตรีทมองยอดขาย 156.4 ล้านดอลลาร์และกำไรต่อหุ้น 0.24 ดอลลาร์
ปัจจุบัน Notter กำลังติดตามอัตราความสำเร็จ 67% และผลตอบแทนเฉลี่ยต่อคะแนน 17.7%
5. Teradyne เผยผลประกอบการไตรมาสสองเมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม โดยรายงานดังกล่าวได้รับการยกย่องจาก Scott Graham นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ Rosenblatt มองว่าเป็นผลการดำเนินงานที่ดี พร้อมแนะนำซื้อหุ้น คงราคาเป้าหมายไว้ที่ 180 ดอลลาร์ ศักยภาพของกลับหัวที่ 47%
ยอดขายสำหรับไตรมาสดังกล่าวอยู่ที่ 1.09 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 29% เมื่อเทียบเป็นรายปี และสูงกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ที่ 1.06 พันล้านดอลลาร์ ยอดขายการทดสอบเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น 27% เมื่อเทียบเป็นรายปี ในขณะที่ยอดขายการทดสอบระบบเพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบเป็นรายปี นักวิเคราะห์กล่าวเสริมว่า “ยอดขายของ IA นั้นยอดเยี่ยมมาก ตามที่คาดไว้”
เมื่อพูดถึงอัตรากำไรขั้นต้น ตัวเลขดังกล่าวเพิ่มขึ้น 340 คะแนนเมื่อเทียบปีต่อปีเป็น 59.6% ซึ่งเกินกว่าที่ Graham คาดที่ 59%
ในไตรมาสที่สาม Teradyne คาดว่า EPS แบบ non-GAAP จะอยู่ในช่วง 1.29 ถึง 1.55 ดอลลาร์ ซึ่งจะสะท้อนถึงการเพิ่มขึ้น 9% ถึง 31% เมื่อเทียบเป็นรายปี Graham ได้คาดการณ์ EPS ไว้ที่ 1.37 ดอลลาร์ ยอดขายอาจอยู่ระหว่าง 880 ล้านถึง 960 ล้านดอลลาร์ เทียบกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 942 ล้านดอลลาร์
Scott Graham ให้คะแนนอัตราความสำเร็จ 69% และผลตอบแทนเฉลี่ย 14.6% ต่อการจัดอันดับ
แหล่งข่าว Top Wall Street analysts are betting on more gains for these stocks as earnings continue โดย CNBC
แปลโดยทีม TradersThailand
