นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ได้หารือกับนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อตั้งบริษัทลูกเพื่อร่วมขับเคลื่อนดิจิทัล ทัวริสซึ่ม ที่มีสถานะเป็นเอกชนสัญชาติไทย 100% เพื่อรักษาความคล่องตัวในการบริหาร ททท.จะถือหุ้นสัดส่วน 40% เพื่อให้บริษัทแห่งนี้ไม่เป็นรัฐวิสาหกิจ ส่วนอีก 40% ให้บริษัทด้านดิจิทัลในไทยที่สนใจร่วมลงทุน และอีก 20% จะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เช่น สมาคมท่องเที่ยวต่างๆ
ทั้งนี้ คาดเห็นความชัดเจน และสามารถก่อตั้งบริษัทลูกแห่งใหม่ในอีก 6 เดือนนับจากนี้ และบริษัทนี้จะสามารถคุ้มทุนใน 3 ปีและมีกำไรในปี 2567 ซึ่งสอดรับกับจังหวะการฟื้นตัวของภาพรวมภาคท่องเที่ยวไทยพอดี โดยเป้าหมายจะเป็นส่วนหนึ่งในการพลิกฟื้นและปรับโครงสร้างการท่องเที่ยวไปสู่นักท่องเที่ยวคุณภาพให้มีรายได้เติบโตได้ปีละไม่ต่ำกว่า 5-10% โดยปี 2565 จะมีรายได้ประมาณ 1.5 ล้านล้านบาท ปี 2566 จะมีรายได้ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท ปี 2567 รายได้จะกลับมาเท่าปี 2562 ก่อนที่จะมีการระบาดของโควิด-19 ที่ 3 ล้านล้านบาท
สำหรับการนำเหรียญดิจิทัลมาใช้ซื้อขายสินค้าท่องเที่ยว ททท.ได้หารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (กลต.) เพื่อเตรียมออกเหรียญ Utility Token พร้อมใช้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนแปลงคูปองในลักษณะที่เป็นวอชเชอร์เป็นโทเคนดิจิทัล และเสนอขายในรูปแบบ Utility Token พร้อมใช้ในตลาดแลกต่อลูกค้า เพื่อเป็นการช่วยเหลือผู้ประกอบการท่องเที่ยวให้สามารถขายสินค้าและบริการท่องเที่ยวล่วงหน้าได้ เหมือนกับการขายอี-วอชเชอร์ และช่วยแก้ปัญหาเอกชนท่องเที่ยวให้สามารถเข้าถึงสภาพคล่องได้
แหล่งข่าว นำท่องเที่ยวสู่โลกอนาคต “ททท.” ตั้งบริษัทลูกรุกลงทุนเหรียญดิจิทัล, ไทยรัฐ, 14 ต.ค. 2564