น้ำมันกลับมาขึ้นอีกครั้งก่อนสิ้นสุดการประชุมเฟด ซึ่งคาดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อคุมเงินเฟ้อและอาจชะลออุปสงค์น้ำมัน
น้ำมัน WTI ซื้อขายเหนือ 84 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหลังจากปิดลงราว 2% ใกล้ระดับต่ำสุดในรอบแปดเดือนในวันอังคาร ตลาดคาดการณ์ในวงกว้างว่าเฟดจะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 75 จุดในการประชุมเดือนนี้ ตามมาด้วยตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจของสหรัฐ
น้ำมันดิบอยู่ในทิศทางการร่วงลงรายไตรมาสครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจที่จะส่งผลต่อแนวโน้มอุปสงค์ นอกจากนี้หลังการประชุมเฟดแล้วเสร็จ ยังเหลือการประชุมธนาคารกลางในยุโรปและเอเชียที่จะเริ่มในสัปดาห์นี้เช่นกัน
“หากเฟดส่งสัญญาณเหยี่ยวอีกครั้งในสัปดาห์นี้ อาจสร้างผลเชิงลบให้แก่น้ำมัน” Charu Chanana นักยุทธศาสตร์การตลาดของ Saxo Capital Markets Pte เสริมว่า “ในระยะกลาง คาดว่าอุปสงค์น้ำมันจะยังคงแข็งแกร่ง เนื่องจากฤดูหนาวในยุโรปท่ามกลางการเปลี่ยนไปใช้น้ำมันทดแทนก๊าซ ขณะที่ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครนยังไม่เบาบางลง”
แม้แนวโน้มระยะสั้นยังคงอ่อนแอแต่ Saudi Aramco กล่าวว่ากำลังการผลิตสำรองในตลาดน้ำมันอาจหมดไปหากเศรษฐกิจฟื้นตัว โดยอ้างถึงการลงทุนในเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ลดลงเป็นสาเหตุหลักของวิกฤตพลังงาน
สัญญาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ WTI สำหรับเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 84.22 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สัญญาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบเบรนต์สำหรับเดือนพฤศจิกายนเพิ่มขึ้น 0.4% ที่ 90.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
แหล่งข่าวที่คุ้นเคยเผยว่า API รายงานสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว
การส่งออกน้ำมันดิบทางทะเลของรัสเซียลดลงอย่างรวดเร็วในช่วงครึ่งแรกของเดือนกันยายน โดยได้รับผลกระทบจากพายุในมหาสมุทรแปซิฟิก ขณะที่ปริมาณการซื้อที่เพิ่มขึ้นจากจีน อินเดีย ยังไม่สามารถชดเชยปริมาณการส่งออกไปยังยุโรปได้
แหล่งข่าว Oil Edges Higher Ahead of Central Bank Moves on Interest Rates โดย Bloomberg
แปลโดยทีม TradersThailand