น้ำมันพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบหลายปีในวันจันทร์จากอุปสงค์ทั่วโลกที่ฟื้นตัว เบรนท์เพิ่มขึ้น 1.26 ดอลลาร์หรือ 1.5% ปิดที่ 83.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยมีช่วงแตะ 84.60 ดอลลาร์ซึ่งเป็นระดับที่สุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2561 ขณะที่ WTI ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.17 ดอลลาร์หรือ 1.5% ปิดที่ 80.52 ดอลลาร์หลังจากแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปลายปี 2557 ในเซสชั่นที่ 82.18 ดอลลาร์
ทำเนียบขาวเรียกร้องให้ประเทศผู้ผลิตน้ำมัน "เพิ่มการผลิต" และกำลังติดตามต้นทุนน้ำมันและน้ำมันเบนซินอย่างใกล้ชิด ขณะที่ OPEC+ ยังคงอุปทานอย่างค่อยเป็นค่อยไป ในเดือนกรกฎาคมด้วยจำนวนการผลิตที่ 400,000 บาร์เรลต่อวัน
ราคาไฟฟ้าพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจากการขาดแคลนพลังงานอย่างกว้างขวางในเอเชีย ยุโรป และสหรัฐ ขณะที่ ราคาก๊าซธรรมชาติพุ่งสูงขึ้นจากการเปลี่ยนถ่ายไปใช้น้ำมันในการผลิตพลังงาน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนจากก๊าซธรรมชาติไปสู่น้ำมันจะเพิ่มอุปสงค์น้ำมันดิบจาก 250,000 เป็น 750,000 บาร์เรลต่อวัน
ในอินเดีย บางรัฐกำลังประสบปัญหาไฟฟ้าดับเนื่องจากการขาดแคลนถ่านหิน รัฐบาลจีนสั่งเพิ่มการผลิตถ่านหิน
"ในแง่กว้างๆ ความต้องการพลังงานทั่วทั้งเอเชีย ยุโรป แข็งแกร่งขึ้นมาก ก่อนที่จะกลับเข้าสู่สภาพปกติ ทั้งนี้ ราคาน้ำมันมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะอันใกล้นี้ด้วย " Jim Ritterbusch ประธาน Ritterbusch and Associates กล่าว
แหล่งข่าว Oil settles up 1.5%; hits multi-year highs on surging demand โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
