ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในวันพุธ เนื่องจากการคว่ำบาตรธนาคารรัสเซียซึ่งสร้างอุปสรรคต่อการขนส่งน้ำมันดิบ และผู้ค้าบางรายเลือกที่จะหลีกเลี่ยงอุปทานของรัสเซีย
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์พุ่งขึ้น 3.55 ดอลลาร์หรือ 3.4% สู่ 108.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นระดับสูงสุดที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2014 ฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.75 ดอลลาร์หรือ 3.6% สู่ 107.16 ดอลลาร์ หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 107.55 ดอลลาร์ในการซื้อขายช่วงแรก ซึ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ 28 กรกฎาคม 2014
“การหยุดชะงักของการค้าเริ่มได้รับความสนใจจากผู้คน” Justin Smirk นักเศรษฐศาสตร์ของ Westpac กล่า “ปัญหาด้านการเงินการค้าและการประกันภัยล้วนส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย” ทั้งนี้ การส่งออกน้ำมันของรัสเซียมีสัดส่วนประมาณ 8% ของอุปทานทั่วโลก
การปล่อยน้ำมัน 60 ล้านบาร์เรลโดยความร่วมมือของประเทศสมาชิกสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศตกลงกันเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาซึ่งนักวิเคราะห์กล่าวว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาอุปทานได้ชั่วคราวเท่านั้น ขณะที่ สต็อกน้ำมันเพื่อการพาณิชย์อยู่ที่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี 2014 IEA ระบุ
ท่ามกลางฉากหลังดังกล่าว องค์กรของประเทศผู้ส่งออกน้ำมันอย่าง OPEC+ มีกำหนดจะประชุมกันในวันพุธ โดยคาดว่าพวกเขาจะยังคงวางแผนที่จะเพิ่มอุปทาน 400,000 บาร์เรลต่อวันในแต่ละเดือน ขณะที่ ข้อมูลล่าสุดจาก API แสดงให้เห็นว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐฯ ลดลง 6.1 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 25 ก.พ. และมีกำหนดการเปิดเผยข้อมูลรายสัปดาห์ในวันพุธ โดยนักวิเคราะห์สำรวจโดยรอยเตอร์คาดว่าสต็อกน้ำมันดิบจะเพิ่มขึ้น 2.7 ล้านบาร์เรล
แหล่งข่าว Oil jumps 3% on choked Russian supply as trade finance dries up โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand