น้ำมันปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในการซื้อขายช่วงเช้าของวันจันทร์ หลังจากร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วโดยได้รับแรงกดดันจากดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น และความกลัวว่าการขึ้นดอกเบี้ยจะจุดชนวนไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและกระทบต่อความต้องการเชื้อเพลิง ดัชนีดอลลาร์พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีในวันจันทร์นี้ ส่งให้ราคาน้ำมันขยับขึ้น
สัญญาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบเบรนต์เพิ่มขึ้น 17 เซนต์หรือ 0.2% ที่ 86.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่สัญญาฟิวเจอร์สน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐเพิ่มขึ้น 21 เซนต์หรือ 0.3% ที่ 78.95 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ทั้งนี้สัญญาซื้อขายทั้ง 2 ฉบับร่วงลงประมาณ 5% ในวันศุกร์
ข่าวการเสริมกำลังทหารครั้งใหม่ของรัสเซียเพื่อทำสงครามกับยูเครนและการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปต่อน้ำมันรัสเซียที่จะเริ่มในเดือนธันวาคมนี้กำลังเป็นตัวชี้ทิศทางน้ำมันในอนาคตอันใกล้ "นี่คือความสงสัยและตัวชี้ทิศทางของราคาน้ำมันในอีกไม่กี่ไตรมาสข้างหน้า" Vivek Dhar นักวิเคราะห์ของ Commonwealth Bank ซึ่งคาดว่าเบรนต์จะกลับไปที่ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในไตรมาสที่สี่
แต่ด้วยราคาที่ลดลง ตลาดจึงกลับไปสนใจ OPEC อีกครั้งซึ่งจะมีกำหนดประชุมนโยบายการผลิตประจำเดือนในวันที่ 5 ตุลาคมนี้ หลังจากที่ประกาศลดโควตาการผลิตในช่วงที่ผ่านมา
“OPEC อาจแทรกแซงอีกครั้ง” นักวิเคราะห์จาก ANZ Research กล่าวในหมายเหตุ โดยชี้ไปที่ข้อสังเกตของรัฐมนตรีน้ำมันของไนจีเรีย Timipre Sylva ซึ่งเผยว่า OPEC จะพิจารณาปรับลดกำลังการผลิต
แหล่งข่าว Oil claws back some losses but strong dollar caps gains โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
