น้ำมันร่วงต่อเนื่องในวันศุกร์ หลังจากแตะระดับที่ก่อนเกินสงครามในยูเครนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ จากความกังวลต่อผลกระทบของเงินเฟ้อต่อการเติบโตและอุปสงค์ของเศรษฐกิจโลก น้ำมันดิบเบรนต์ร่วงลง 10 เซนต์หรือ 0.1% สู่ 94.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐอยู่ที่ 88.48 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลลดลง 6 เซนต์
Tina Teng นักวิเคราะห์จาก CMC Markets กล่าวว่า "ราคาน้ำมันดิบตามความกังวลต่ออุปสงค์และแนวโน้มเศรษฐกิจที่ผันผวน และอาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับยุค 'ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ' หากอัตราการว่างงานเริ่มสูงขึ้นและอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง”
ความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากธนาคารกลางอังกฤษเตือนเรื่องการชะลอตัวหลังจากที่ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 1995 นักลงทุนจับตารายงาน NFP ของสหรัฐที่จะเปิดเผยในช่วงท้ายของวันนี้ ซึ่งคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 250,000 ตำแหน่งในเดือนที่แล้ว หลังจากเพิ่มขึ้น 372,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน ทั้งนี้ สัญญาณของความแข็งแกร่งในตลาดแรงงานอาจนำไปสู่ความกลัวว่าเฟดจะดำเนินการรุนแรงขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อ
นักวิเคราะห์ของ ANZ ระบุในหมายเหตุว่า "มีสัญญาณบ่งชี้ว่าเงินเฟ้อที่สูงขึ้นกำลังชะลออุปสงค์น้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่น" อุปสงค์น้ำมันเบนซินของสหรัฐลดลงราว 7% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือน ก.ค. ขณะที่แนวทาง zero covid ของจีนกำลังทำให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจของจีนชะลอออกไปอีก
อย่างไรก็ตาม ความกังวลด้านอุปทานของน้ำมันคาดว่าเกิดขึ้นในช่วงฤดูหนาวนี้จากมาตรการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรปที่จะมีผลเต็มรูปแบบในวันที่ 5 ธันวาคม ในด้านผู้นำกลุ่มโอเปก ซาอุดิอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ประกาศความพร้อมในการอุปทาน "อย่างมีนัยสำคัญ" หากโลกเผชิญกับวิกฤตอุปทานที่รุนแรงในฤดูหนาวนี้ แหล่งข่าวที่คุ้นเคยของผู้ส่งออกรายใหญ่ในอ่าวอาหรับกล่าว ในเดือนกันยายน OPEC+ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมันตามเป้าหมาย 100,000 บาร์เรลต่อวัน
แหล่งข่าว Oil prices extend losses on demand worries โดย Reuters
แปลโดยทีม TradersThailand
