นายเกรียงไกร เธียรนุกุล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ยังมั่นใจว่าการส่งออกของประเทศไทยตลอดทั้งปีนี้มีโอกาสจะเติบโตได้ในระดับ 15-16% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากล่าสุดการส่งออกของประเทศไทย 10 เดือนแรกปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.)มีมูลค่า 222,736 ล้านเหรียญสหรัฐฯขยายตัว 15.7% และในช่วง2 เดือนสุดท้ายที่เหลือปีนี้มีคำสั่งซื้อที่เข้ามาต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้าที่จะรองรับเทศกาลคริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่2565 ที่หลายๆประเทศทั่วโลกสั่งซื้อสินค้าอาหาร เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ของขวัญจากประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้แนะนำให้ผู้ประกอบการภาคการส่งออกที่เป็นสมาชิก ส.อ.ท.จะต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงด้านต้นทุนที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งค่าระวางเรือที่สูงขึ้นตั้งแต่ต้นปีจนปัจจุบัน 300% อีกทั้งต้นทุนการผลิตสินค้าจากราคาน้ำมันตลาดโลกที่สูงที่ทำให้กระทบต่อต้นทุนการผลิตโดยเฉพาะภาคขนส่งสูงมากขึ้น ขณะที่ในระยะสั้นสิ่งที่ผู้ประกอบการต้องติดตามคือปัญหาการเรียกร้องของกลุ่มสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยที่ให้รัฐบาลตรึงดีเซลไม่เกิน 25 บาทต่อลิตรเป็นเวลา 1 ปี จากปัจจุบันที่รัฐบาลยังคงตรึงราคาดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตรโดยหากรัฐบาล ไม่พิจารณาข้อเรียกร้องภายในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ จะเพิ่มค่าขนส่งอีก 10%และจะยกระดับการเรียกร้องไปสู่การหยุดเดินรถบรรทุกทั่วประเทศที่มีอยู่ในเครือข่าย 1 ล้านคัน โดย ส.อ.ท.ต้องการให้รัฐและกลุ่มรถบรรทุกได้หาข้อยุติร่วมกันที่จะไม่ทำให้เกิดการหยุดวิ่งรถเพราะจะกระทบต่อผู้ประกอบการ
ขณะเดียวกันราคาน้ำมันที่สูงขึ้นได้สะท้อนไปยังต้นทุนราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า จึงทำให้ล่าสุดคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (FT) ในงวดแรกปี 2565 (ม.ค.-เม.ย.65) ที่จะกระทบต่อการผลิตให้เพิ่มขึ้นอีกและจะส่งผลกระทบต่อต้นทุนของทุกภาคส่วน
แหล่งข่าว น้ำมันแพง-ค่าไฟขึ้นตามหลอน ส.อ.ท.สุดมั่นส่งออกโค้งสุดท้ายยังแรงเต็มพิกัด, ไทยรัฐ, 23 พ.ย. 2564