สำหรับภาพรวมตลาด และแนวโน้มราคาสินทรัพย์แต่ละประเภทในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 นายจิติพล พฤกษาเมธานันท์ นักกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ยูโอบี เปิดเผยว่า เรามองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในครึ่งปีหลัง 2564 ยังเติบโตได้น้อยสะท้อนจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ปรับลดจีดีพีปีนี้และปีหน้าลง ซึ่งปีนี้ลดลงเหลือ 1.8% ซึ่งน่าจะเห็นเงินบาทอ่อนค่าลงด้วย และมีผลให้กระแสเงินทุนต่างชาติ(ฟันด์โฟลว์) น่าจะไหลไปในประเทศที่พัฒนาแล้ว ภายใต้นโยบายการเงินสวนทางระหว่างไทยและสหรัฐ
เนื่องจากประเด็นที่มีส่วนทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ช้า ทั้งวัคซีนมาช้ากว่าที่คาด ไวรัสยังมีการกลายพันธุ์ อย่างไรก็ดี นโยบายการการเงินและการคลังยังผ่อนคลาย โดยเฉพาะนโยบายการคลังที่ผ่อนคลายมาก แต่หากดูจากสหรัฐการทำนโยบายคลังของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยังทำได้ไม่เท่าที่เคยพูดไว้ ทำให้ตลาดหุ้นไม่ดีเท่าที่คาด ยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตามองในช่วงที่เหลือของปีนี้
หลังจากในครึ่งปีแรกของปีนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐบวกประมาณ 15% ซึ่งตลาดเจอจุดสูงสุดใน 3 พีค คือ 1.Peak emotion กล้าซื้อหุ้นมีม (meme stocks) 2.Peak expectation เชื่อมั่นวัคซีนมาก และ 3.Peak inflation เชื่อว่าเงินเฟ้อสูงผ่านไปแล้ว
สำหรับการลงทุนในครึ่งปีหลังการลงทุน น่าจะแบ่งการลงทุนเพื่อการกระจายความเสี่ยง ในสินทรัพย์ที่สร้างรายได้ ความผันผวนควรไม่สูง แม้นโยบายการเงินจะเปลี่ยนและเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นมากก็ตาม
โดยกลยุทธ์การลงทุนหลัก ยังมองที่หุ้น และบอนด์ สำหรับหุ้นควรแบ่ง หุ้นมูลค่า ( Value) และหุ้นเติบโต ( Growth) ซึ่งหุ้น Value น่าจะได้อานิสงส์เปิดเมือง และภาครัฐอัดฉีดมากกว่า แต่อาจต้องรับมือกับเศรษฐกิจที่จะฟื้นช้าไปในปี 2565 ด้วย ส่วนในครึ่งปีแรกตลาดประเทศพัฒนาแล้ว ปรับดีกว่าตลาดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ หรือ Emerging Markeมาก ดังนั้น ในครึ่งปีหลังจึงอาจเห็น ฟันด์โฟลว์ ขยับมาประเทศที่ฟื้นตัวได้ดีบ้าง เช่น ลาตินอเมริกา
แต่ทั้งนี้ บอนด์ และหุ้น อาจไม่ได้ตอบโจทย์ จากผลตอบแทนน้อย ราคาและผันผวนสูงแล้ว ดังนั้น แนะว่า นักลงทุน ควรเลือกลงในสินทรัพย์ทางเลือกที่ป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อด้วย อาทิ การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่สอดคล้องไปกับเงินเฟ้อและเชื่อมไปยังโครงสร้างพื้นฐาน
ส่วนการลงทุนในทองคำปีนี้ คาดว่า ราคาน่าจะเคลื่อนไหวผันผวนระดับปานกลาง โดยน่าจะทรงตัวที่ 1,700 -1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และหากปรับขึ้นเกิน 1,900 ดอลลาร์ต่อออนซ์ อาจเห็นการขายทำกำไร และอาจเห็นราคาลงมาแตะ1,700 ดอลลาร์ต่อออนซ์ เมื่อหากเศรษฐกิจปรับดีขึ้น อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ สินทรัพย์ตัวเลือกมีมากขึ้น อย่างคริปโทเคอร์เรนซี ยังเข้ามาแย่งซีนทองคำ
แหล่งข่าว บลจ.ยูโอบี ส่อง "หุ้นไทย" ครึ่งหลังปี 64 ยังฟื้นได้น้อย, bangkokbiznews, 25 มิ.ย. 2564