บล.กสิกรไทย คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่ง 1,600-1,640 จุด แนะซื้อ "BLA-TTB"

WealthUp

Moderator
Staff member
Optimized-15.jpg

บล.กสิกรไทย คาดการณ์ตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (13-17 ธ.ค.) จะเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,640 จุด โดยได้รับปัจจัยหนุน หลังบริษัทไฟเซอร์ อิงค์และไบออนเทคออกแถลงการณ์ร่วมกันระบุว่า วัคซีนของไฟเซอร์และไบออนเทคจำนวน 3 โดสมีประสิทธิภาพสูงในการสร้างภูมิต้านทานต่อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ทั้งนี้ ผลการทดลองในเบื้องต้นบ่งชี้ว่าการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นช่วยเพิ่มภูมิต้านทานของแอนติบอดีได้ถึง 25 เท่า เมื่อเทียบกับการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม

โดยการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ได้ลดความสามารถในการต่อสู้ของไวรัสสายพันธุ์โอมิครอนลงเหลือเท่ากับไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิมซึ่งร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานด้วยการฉีดวัคซีนเพียง 2 เข็ม ข่าวนี้จะช่วยลดความกังวลการแพร่ระบาดโอมิครอนและหนุนหุ้นกลุ่มเปิดเมืองเปิดประเทศต่อเนื่อง

ส่วนล่าสุด ธนาคารกลางจีน (PBOC) ดำเนินนโยบายการเงินผ่อนคลายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับปัญหาสภาพคล่องในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน หลังเอเวอร์แกรนด์ได้ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้สกุลเงินต่างประเทศ ทั้งนี้ PBOC ประกาศอัดฉีดเงิน 1 หมื่นล้านหยวน (ประมาณ 1.57 พันล้านดอลลาร์) เข้าสู่ระบบการเงิน ผ่านข้อตกลง reverse repo ประเภทอายุ 7 วัน โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 2.2%

รวมถึงประกาศปรับลดสัดส่วนการกันสำรองลง 0.5% (Reserve Requirement Ratio : RRR) ซึ่งจะมีผล 15 ธ.ค. นี้ (ปรับลดครั้งล่าสุดช่วง ก.ค. 65) คาดจะช่วยเพิ่มสภาพคล่องเข้าสู่ระบบราว 1.2 ล้านล้านหยวน ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าผู้บริโภคและกลุ่มผู้ผลิตชิปดีดตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ ต้องติดตามทิศทางการประชุม FOMC ในวันที่ 14-15 ธ.ค. ว่าจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงินเข้มงวดขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ หลังจากนายพาวเวล ประธานเฟดออกมายอมรับว่าเงินเฟ้อสูงอาจไม่ชั่วคราวและยาวนานกว่าที่คิด ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจาก Fed Watch tool ล่าสุดแสดงถึงตลาดมองโอกาสขึ้นดอกเบี้ย 2 ครั้งขึ้นไปในปีหน้า 2565 ถือว่าตลาดรอรู้ไปพอสมควรกับนโยบายการเงินที่เข้มงวดของ Fed อย่างไรก็ตามความผันผวนอาจจะยังมีอยู่จนกว่าจะทราบความชัดเจนในการประชุม FOMC สัปดาห์หน้า

ด้านปัจจัยภายในประเทศ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สบค.) ร่างกฎสินเชื่อเช่าซื้อใหม่รอบที่ 2 ซึ่งกำหนดเพดานดอกเบี้ย 15% สำหรับรถใหม่และ 20% สำหรับรถมือสองและจักรยานยนต์ เบื้องต้นคาดว่ากลุ่มธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถมือสองอาทิเช่น HENG, AMANAH จะไม่ได้รับผลกระทบจากเพดานดอกเบี้ยใหม่ที่ 20%

อย่างไรก็ตามกลุ่มธุรกิจที่ทำสินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์อาทิเช่น NCAP, MTC และ SAWAD ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบเนื่องจากปล่อยดอกเบี้ยที่ 24-28% และคาดกำไรอาจปรับลดลง NCAP (30%), MTC (1.5-2%) และ SAWAD (5-6%) ในปี 2565

สำหรับโครงการคืนรถจบหนี้ จะอนุญาตให้สามารถคืนได้หลังผู้ซื้อผ่อนไปแล้ว 1 ใน 3 ของค่างวดผ่อนทั้งหมด ถึงแม้จะดีขึ้นกว่าร่างเดิมที่สามารถคืนได้เลยตั้งแต่วันแรก แต่ฝ่ายวิจัยยังมองเป็นความเสี่ยงสำหรับผู้ปล่อยสินเชื่ออยู่ และอาจทำให้ผู้ปล่อยสินเชื่อต้องเพื่อเงินดาวน์มากขึ้นและอาจปล่อยยากขึ้น

โดยกลุ่มธนาคารที่จะได้รับผลกระทบจากการมีสัดส่วนพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อสูงได้แก่ TISCO, KKP, TTB ติดตามวันที่ 16 ธ.ค. นี้ จะทำการ hearing กับผู้ประกอบการและอาจต้องมีการปรับรายละเอียดร่างกันต่อไป โดยรวมมองข่าวนี้เป็น neutral ต่อกลุ่มธนาคารและกลุ่มการเงิน ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยยังชอบธนาคารใหญ่ SCB, BBL และกลุ่มธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกอย่าง ASK มากกว่า

แหล่งข่าว บล.กสิกรไทย คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่ง 1,600-1,640 จุด แนะซื้อ "BLA-TTB", bangkokbiznews, 12 ธ.ค. 2564
 

Members online

No members online now.

Forum statistics

Threads
12,180
Messages
12,435
Members
319
Latest member
SEO01

สนับสนุนโดย

Top