บล.กสิกรไทย ประเมินตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ (7-11 ก.พ.) จะแกว่งในกรอบ 1,650-1,680 จุด ทั้งนี้ ต้องติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังสัปดาห์ที่ผ่านมาหลายตลาดผันผวนสูง
ขณะที่ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ออกมาตามคาด โดย ECB ยังจะคงดอกเบี้ยนโยบายตลอดทั้งปีนี้ ขณะที่ BOE ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.50% ตามคาด อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางส่วนไม่เห็นด้วยกับท่าที ECB ที่เพิกเฉยต่อเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและกังวลว่า ECB จะยิ่ง Behind the curve และต้องหันมาเร่งดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดในระยะต่อไป
โดย ECB ยังคงดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิม ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% และจะเริ่มลดขนาดการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเดือนมี.ค.
ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยคาดว่าจะยังไม่ขึ้นตลอดทั้งปืนี้ตามแผนเดิมหรือจนกว่าโปรแกรมการเข้าซื้อสินทรัพย์จะจบลงก่อน ถึงแม้รายงานตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่ออกมา 5.1% YoY จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าเป้าหมายก็ตาม
ในทางตรงข้าม BOE มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.50% ถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004
ด้านดัชนี Fear & Greed Index ล่าสุดพบว่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 32 จุดแสดงถึงนักลงทุนกลัวต่อการลงทุนช่วงนี้ (ต่ำกว่าระดับ 50 จุดแสดงถึงนักลงทุนกลัว, สูงกว่าระดับ 50 จุดแสดงถึงนักลงทุนกล้า) ส่วนดัชนี VIX index พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 24.35 จุด แสดงถึงสภาวะตลาดที่ยังผันผวนสูง
ขณะที่ AAII Investor survey ผลสำรวจ sentiment นักลงทุนรายย่อยของสหรัฐ มีมุมมอง Bullish ตลาดหุ้นเพียง 26.5% และมองตลาด Bearish สูงถึง 43.7% แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยสหรัฐฯยังอยู่ในระดับต่ำ จากดัชนีวัด sentiment ต่างๆ บ่งชี้ว่าตลาดยังมีความผันผวนสูงในระยะสั้น นักลงทุนสายโมเมนตัมอาจต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น
ส่วนที่ต้องรอติดตาม คือ ตัวเลขเงินเฟ้อจะรายงานออกมาในสัปดาห์หน้า (10 ก.พ.) ซึ่งมองว่าการรายงานออกมาชะลอตัวกว่าที่ตลาดคาดอย่างมีนัยยะมีความเป็นไปได้ต่ำ ดังนั้นภาพการลงทุนเรายังคงมองว่าการทำ sector rotation growth to value จะยังดำเนินต่อไปในระยะข้างหน้า
โดยมีหุ้น (Top Picks) แนะนำ ดังนี้
- ORI (ราคาพื้นฐาน 13.40 บาท) คาดรายงบ 4Q21 +25.7% YoY และ 13.9% QoQ ทำให้กำไรปี 64 เติบโต 20% ธุรกิจใหม่ที่มีมูลค่าสูงและแรงหนุนจากบริษัท JV ใหม่จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต ขณะที่เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยสนับสนุนการเติบโตธุรกิจที่อยู่อาศัย
- BAM (ราคาพื้นฐาน 24.00 บาท) คาด 4Q21 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากการเก็บเงินสดได้สูงขึ้นและการขาย NPA/NPL ก้อนใหญ่ เรามีมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรม AMCs มากขึ้นหลัง ธปท. ส่งเสริมธนาคารพาณิชย์ร่วม JV กับบริษัท AMC ซึ่งเราคาดว่าทางบริษัทจะได้ประโยชน์จากการที่เป็นบริษัทชั้นนำและมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม
แหล่งข่าว บล.กสิกรไทย คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่ง 1,650-1,680 จุด แนะซื้อ "ORI-BAM", bangkokbiznews, 6 ก.พ. 2565
ขณะที่ผลการประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ออกมาตามคาด โดย ECB ยังจะคงดอกเบี้ยนโยบายตลอดทั้งปีนี้ ขณะที่ BOE ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเป็น 0.50% ตามคาด อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์บางส่วนไม่เห็นด้วยกับท่าที ECB ที่เพิกเฉยต่อเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและกังวลว่า ECB จะยิ่ง Behind the curve และต้องหันมาเร่งดำเนินนโยบายแบบเข้มงวดในระยะต่อไป
โดย ECB ยังคงดอกเบี้ยนโยบายระดับเดิม ด้วยการคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% และจะเริ่มลดขนาดการเข้าซื้อสินทรัพย์ในเดือนมี.ค.
ส่วนการขึ้นดอกเบี้ยคาดว่าจะยังไม่ขึ้นตลอดทั้งปืนี้ตามแผนเดิมหรือจนกว่าโปรแกรมการเข้าซื้อสินทรัพย์จะจบลงก่อน ถึงแม้รายงานตัวเลขเงินเฟ้อล่าสุดที่ออกมา 5.1% YoY จะสูงสุดเป็นประวัติการณ์และสูงกว่าเป้าหมายก็ตาม
ในทางตรงข้าม BOE มีมติขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.50% ถือเป็นการขึ้นดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 2 ครั้งติดต่อกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2004
ด้านดัชนี Fear & Greed Index ล่าสุดพบว่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 32 จุดแสดงถึงนักลงทุนกลัวต่อการลงทุนช่วงนี้ (ต่ำกว่าระดับ 50 จุดแสดงถึงนักลงทุนกลัว, สูงกว่าระดับ 50 จุดแสดงถึงนักลงทุนกล้า) ส่วนดัชนี VIX index พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 24.35 จุด แสดงถึงสภาวะตลาดที่ยังผันผวนสูง
ขณะที่ AAII Investor survey ผลสำรวจ sentiment นักลงทุนรายย่อยของสหรัฐ มีมุมมอง Bullish ตลาดหุ้นเพียง 26.5% และมองตลาด Bearish สูงถึง 43.7% แสดงถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายย่อยสหรัฐฯยังอยู่ในระดับต่ำ จากดัชนีวัด sentiment ต่างๆ บ่งชี้ว่าตลาดยังมีความผันผวนสูงในระยะสั้น นักลงทุนสายโมเมนตัมอาจต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น
ส่วนที่ต้องรอติดตาม คือ ตัวเลขเงินเฟ้อจะรายงานออกมาในสัปดาห์หน้า (10 ก.พ.) ซึ่งมองว่าการรายงานออกมาชะลอตัวกว่าที่ตลาดคาดอย่างมีนัยยะมีความเป็นไปได้ต่ำ ดังนั้นภาพการลงทุนเรายังคงมองว่าการทำ sector rotation growth to value จะยังดำเนินต่อไปในระยะข้างหน้า
โดยมีหุ้น (Top Picks) แนะนำ ดังนี้
- ORI (ราคาพื้นฐาน 13.40 บาท) คาดรายงบ 4Q21 +25.7% YoY และ 13.9% QoQ ทำให้กำไรปี 64 เติบโต 20% ธุรกิจใหม่ที่มีมูลค่าสูงและแรงหนุนจากบริษัท JV ใหม่จะเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโต ขณะที่เศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปจะช่วยสนับสนุนการเติบโตธุรกิจที่อยู่อาศัย
- BAM (ราคาพื้นฐาน 24.00 บาท) คาด 4Q21 เติบโตทั้ง YoY และ QoQ จากการเก็บเงินสดได้สูงขึ้นและการขาย NPA/NPL ก้อนใหญ่ เรามีมุมมองเชิงบวกต่ออุตสาหกรรม AMCs มากขึ้นหลัง ธปท. ส่งเสริมธนาคารพาณิชย์ร่วม JV กับบริษัท AMC ซึ่งเราคาดว่าทางบริษัทจะได้ประโยชน์จากการที่เป็นบริษัทชั้นนำและมีประสบการณ์ในอุตสาหกรรม
แหล่งข่าว บล.กสิกรไทย คาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้าแกว่ง 1,650-1,680 จุด แนะซื้อ "ORI-BAM", bangkokbiznews, 6 ก.พ. 2565