นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการสายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยไตรมาส 3 ปี 2565 ยังมีแนวโน้มไซด์เวย์ดาวน์ แม้ว่าการปรับตัวลงจะลดลงน้อยกว่าตลาดอื่น และเศรษฐกิจไทยในปีนี้ยังไม่มีความกังวลเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทางเทคนิค (จีดีพีติดลบสองไตรมาสติดต่อกัน) เนื่องจากครึ่งปีหลัง 2565 การเปิดเมืองและเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ น่าจะช่วยฟื้นการท่องที่ยวและการจับจ่ายใช้สอยได้ดีขึ้น
แต่ยังระวังมีความเปราะบาง จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังล่าช้าประเทศอื่น กำไรบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในไตรมาส 2 ปี 2565 มีโอกาสปรับลดลงทั้งไตรมาสต่อไตรมาสและปีต่อปี
และระยะถัดไปยังหลายปัจจัยความเสี่ยงต่างประเทศ ที่กดดันตลาดหุ้นทั่วโลกและหุ้นไทยผันผวน ทั้งเศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสค่อนข้างมากที่จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐเริ่มชะลอตัวล และมีความกังวลจีดีพีสหรัฐไตรมาส2 ปี 2565 ติดลบต่อเนื่องตากไตรมาส 1 ที่ผ่านมา
อีกทั้งยังมีปัจจัยเสี่ยงจากแรงกดดันเงินเฟ้อยังอยู่ระดับสูง ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีโอกาสมากที่จะปรับขึ้นดอกบี้ยต่อเนื่องในช่วงที่เหลือปีนี้ ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวได้ ในช่วงครึ่งปีหลัง และการที่เฟดทยอยลดขนาดงบดุล 4.75 หมื่นล้านดดอลลาร์ต่อเดือน ดูสภาพคล่องส่วนเกินออกจากระบบ
ทั้งนี้ ฝ่ายวิจัย ประเมินในช่วงที่เหลือปีนี้ คาดเฟดขึ้นดอกเบี้ย4 ครั้ง ทำให้สิ้นปีนี้ ดอกเบี้ยสหรัฐจะอยู่ที่ 3.5% และคาด กนง. ขึ้นดอกเบี้ย 3 ครั้ง (ครั้งละ 0.25%) ทำให้สิ้นปีนี้ ดอกเบี้ยนโยบายของไทย อยู่ที่ 1.25%
ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสหรัฐกับไทย(เครดิตสเปรด) ติดลบมากขึ้นมาอยู่ที่ 2.25% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.25% หรือทะลุ 1% สะท้อนกระแสเงินลงทุนต่างชาติ (ฟันด์โฟลว์) ยังไหลออกได้ต่อเนื่อง คาดว่าไหลออกเฉลี่ย 1,000-2,000 ล้านบาทต่อวัน เทียบช่วงวิกกติแฮมเบอร์เกอร์ ดอกเบี้ยสหรัฐกับไทย มีเครดิตสเปรดต่างกัน ติดลบ 1% และมีเงินไหลออก 2 พันล้านบาทต่อวัน
นอกจากนี้ ทิศทางค่าเงินบาท เทียบดอลลาร์ ใยระยะสั้นแข็งค่าและระยะยาวอ่อนค่า หลังเงินบาทอ่อนค่าผ่านแนวต้านสำคัญที่ 35.5 บาทต่อดอลลาร์ จนทะลุ 36 บาทต่อดอลลาร์ไปแล้ว และคาดว่า ยังมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 36.5ได้ ทำให้กดดันฟันด์โฟลว์ยังไหลออกมากขึนได้ต่อเนื่องในระยะข้างหน้า
แหล่งข่าว บล.เอเซีย พลัส คาดเครดิตสเปรดบ.ไทย-สหรัฐ ติดลบหนัก กดดันฟันด์โฟลว์ไหลออก, bangkokbiznews, 12 ก.ค. 2565