ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมวิเคราะห์ตลาดต่างประเทศ หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ได้คาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันในตลาดโลกว่า จะกลับคืนสู่ระดับ 100 ล้านบาร์เรลต่อวัน เทียบเท่าระดับก่อนเกิดโควิด-19 ในปลายปี 2565 สอดคล้องกับ Energy Information Administration (EIA) ของสหรัฐฯที่คาดว่าความต้องการใช้น้ำมันโลกในปีหน้าอยู่ที่ 101.01 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 3.63 ล้านบาร์เรลต่อวันจากปีนี้ และมีมุมมองต่อราคา ณ ปัจจุบันว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีแนวโน้มจะเคลื่อนไหวในกรอบ 75-85 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลในไตรมาส 4 ปีนี้ โดยกลุ่มโอเปกจะสามารถบริหารนโยบายการผลิตให้สอดคล้องกับการฟื้นตัว ซึ่งจะช่วยราคาน้ำมันให้อยู่ในกรอบดังกล่าวได้ ขณะที่การกระจายวัคซีนโควิด-19 ให้ทั่วถึงจะเป็นปัจจัยหนุนการใช้น้ำมันและยกระดับราคาขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 4 ต.ค.นี้ ได้มีการเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กบง.) ซึ่งจะเสนอให้มีการแยกบัญชีระหว่างแอลพีจีและน้ำมันออกจากกันเด็ดขาด
และจะเสนอให้สภาพัฒน์อนุมัติวงเงินจาก พ.ร.ก.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท มาช่วยเหลือเป็นเวลา 4 เดือน (ต.ค.64-ม.ค.65) เพื่อคงราคาขายปลีกก๊าซหุงต้มสำหรับถังขนาด 15 กิโลกรัม อยู่ที่ 318 บาทต่อถัง (ไม่รวมค่าขนส่ง) เฉพาะกลุ่มครัวเรือน ขณะที่การดูแลราคาน้ำมันจะมีกรอบการดูแลชัดเจนโดยใช้เงินกองทุนน้ำมันฯในการดูแลเพื่อคงราคาดีเซลบี 10 ไม่ให้เกิน 30 บาทต่อลิตร
แหล่งข่าว ปตท.ชี้ราคาน้ำมันขานรับโควิดคลี่คลาย “พลังงาน” ย้ำตรึงดีเซล 30 บาทต่อลิตร, ไทยรัฐ, 03 ต.ค. 2564