ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ส.ค.) เฟซบุ๊ก JKN-CNBC เผยแพร่บทสัมภาษณ์ ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ระบุว่าไม่จำเป็นที่ธนาคารกลางจะต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงมากเนื่องจาก กว่าที่การเติบโตของเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดก็จะเป็นในช่วงปลายปี
เมื่อวันพุธ (10 ส.ค.) คณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2018 ในอัตรา 0.25% เป็น 0.75% เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อยังคงส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
ดร.เศรษฐพุฒิ กล่าวระหว่างการให้สัมภาษณ์ CNBC วันนี้ ว่าการปรับขึ้น 0.25% เป็น 0.75% เป็นแนวทางที่ค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากประเทศอยู่ในวัฏจักรเศรษฐกิจที่แตกต่างกันมากเมื่อเทียบกับประเทศที่มีการเร่งปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นสูง
ในขณะที่ประเทศที่มีเศรษฐกิจที่กำลังดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้น และในอัตราที่เร็วขึ้น แต่วิธีการที่ค่อยเป็นค่อยไป และวัดผลได้ของไทย จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจของประเทศจะดำเนินต่อไปไม่สะดุด
"เศรษฐกิจที่พัฒนาแล้วกำลังมองหาทางลงอย่างนุ่มนวล แต่เรากำลังพยายามทำให้การฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจเป็นไปอย่างราบรื่น"
ธปท.คาดว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะยังคงอยู่ในระดับสูงตลอดปี 2022 ซึ่งส่วนใหญ่ไม่เปลี่ยนแปลงจากการคาดการณ์ครั้งก่อน ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงสู่ช่วงเป้าหมายในปี 2023 เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อด้านอุปทานบรรเทาลง
อัตราเงินเฟ้อของประเทศแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีที่ 7.66% ในเดือนมิถุนายน แม้ว่าจะลดลงเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคมที่ 7.61% แต่ก็ยังเหนือเป้าหมายที่ 1-3% ของธนาคารกลาง
แหล่งข่าว ผู้ว่าการ ธปท.ยันไม่ต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรง หวั่นกระทบเศรษฐกิจฟื้นตัว, bangkokbiznews, 11 ส.ค. 2565