ความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (30 ส.ค. - 3 ก.ย.2564) ดัชนี SET (SET Index) เพิ่มขึ้น 16.56 จุด หรือ 1.01% มาอยู่ที่ 1,650.33 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 5.3 แสนล้านบาท ระหว่างทางทำจุดสูงสุดที่ 1,657.79 จุด และต่ำสุดที่ 1,621.42 จุด
ขณะที่การซื้อขายแบ่งตามกลุ่มนักลงทุน พบว่า นักลงทุนรายย่อยในประเทศขายสุทธิสูงสุด 10,519.63 ล้านบาท รองลงมานักลงทุนสถาบันในประเทศ 474.68 ล้านบาท ส่วนบัญชีหลักทรัพย์ซื้อสุทธิ 1,124.49 ล้านบาท และนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิสูงสุด 9,869.82 ล้านบาท
ทั้งนี้ กลุ่มนักลงทุนต่างประเทศกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค. เป็นต้นมา มูลค่ารวม 23,274.89 ล้านบาท ส่งผลให้ต้นเดือน ก.ย. (1-3 ก.ย.) การซื้อขายของนักลงทุนกลุ่มดังกล่าวยังเป็นการซื้อสุทธิ 3,908.37 ล้านบาท อย่างไรก็ดี ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันยังเป็นยอดขายสุทธิ 83,934.18 ล้านบาท
สำหรับหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิสูงสุดในรอบนี้ (พิจารณาจากข้อมูลบัญชี NVDR) ได้แก่ PTTGC 3,239.13 ล้านบาท EA 2,554.39 ล้านบาท DELTA 1,637.93 ล้านบาท ADVANC 1,453.95 ล้านบาท และ GPSC 1,352.46 ล้านบาท ส่วนหุ้นที่ถูกขายสุทธิหนักสุดรอบนี้ ได้แก่ KCE 1,650.25 ล้านบาท CBG 1,247.27 ล้านบาท KBANK 1,164.26 ล้านบาท CPALL 898.58 ล้านบาท และ TU 826.35 ล้านบาท
ขณะที่การซื้อขายตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน พบว่า KBANK มียอดซื้อสุทธิมากที่สุด 10,214.95 ล้านบาท OR 8,656.10 ล้านบาท PTTEP 8,120.86 ล้านบาท SCGP 5,719.49 ล้านบาท และ IVL 5,222.20 ล้านบาท ส่วนหุ้นที่มียอดขายสุทธิสูงสุด ได้แก่ CPF 4,046.41 ล้านบาท INTUCH 3,859.40 ล้านบาท CPN 3,733.74 ล้านบาท CPALL 3,177.26 ล้านบาท และ HMPRO 2,375.01 ล้านบาท
นักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซีย พลัส จำกัด กล่าวว่า กระแสเงินลงทุน (ฟันด์โฟลว์) ของกลุ่มนักลงทุนต่างประเทศ มีโอกาสไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย ภายหลังปัญหาโควิด-19 ในประเทศดูดีขึ้นตามลำดับ นอกจากนี้ ยังได้ปัจจัยหนุนจากยอดซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ที่พุ่งสูง ซึ่งจากสถิติย้อนหลัง 5 ปี เป็นสัญญาณการกลับมาซื้อหุ้นไทย
ขณะที่การอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ (Dollar Index) จะส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นแถบเอเชีย เพราะได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน (FX Gain) อย่างไรก็ดี มองเป็นปัจจัยหนุนระยะสั้นเท่านั้น เพราะระยะกลาง-ยาว Dollar Index มีโอกาสกลับมาแข็งค่าจากการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
สำหรับการลงทุนรับฟันด์โฟลว์ แนะนำหุ้นใหญ่ในดัชนี SET100 ที่ราคายังปรับขึ้นไม่มาก (แลกการ์ด) เทียบกับช่วงเกิดโควิด-19 ระลอก 2 ราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวเร็ว และกำไรครึ่งหลังปี 2564 มีแนวโน้มสูงกว่าครึ่งแรก ได้แก่ STEC MAJOR PLANB SAWAD AOT และ PTTEP รวมถึงหุ้นขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว CPALL MAKRO CPF GULF และ ADVANC
อย่างไรก็ดี ปัจจัยเสี่ยงด้านการเมืองนอกสภาอาจกดดันทิศทางฟันด์โฟลว์ให้ไหลออกในปริมาณที่มากกว่าปกติ (ต่างชาติขายสุทธิหุ้นไทยสูงเกินเดือนละ 2 หมื่นล้านบาท) ในกรณีที่การเมืองในประเทศมีความยืดเยื้อหรือมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
แหล่งข่าว 'ฟันด์โฟลว์' ไหลเข้าหุ้นไทย 2.3 หมื่นล้าน ซื้อ PTTGC หนักสุด, bangkokbiznews, 05 ก.ย. 2564