หนึ่งในมาตรการเยียวยาผลกระทบจากวิกฤติโควิด-19 คือ มาตรการที่เกี่ยวกับการฟื้นฟูภาคท่องเที่ยว ข้อเสนอของหอการค้าไทย-จีน ที่จะทำหนังสือถึงศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโควิด-19 (ศบค.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คือ การให้รัฐเร่งรีบดำเนินมาตรการออก “วัคซีนพาสปอร์ต” ให้เร็วที่สุดภายในเดือน มี.ค.2564 หลังที่ประเทศไทยเริ่มทยอยฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 แล้ว
นักท่องเที่ยวที่ผ่านเกณฑ์ได้วัคซีนพาสปอร์ตจะไม่ต้องกักตัว ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในไทยปีนี้เพิ่มขึ้นมากกว่า 8 ล้านคน และคาดว่าในจำนวน 8 ล้านคน จะเป็นนักท่องเที่ยวจีนที่จะเดินทางเข้ามาเที่ยวในไทยมากกว่า 2 ล้านคน
หากมีวัคซีนพาสปอร์ต ออกมาภายในเดือน มี.ค. คาดว่านักท่องเที่ยวจะเริ่มเดินทางเข้ามาเที่ยวไทยได้อย่างช้าสุดภายในเดือน เม.ย.เป็นต้นไป ส่วนการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนเกิดโควิด-19 หอการค้าไทย-จีน เชื่อว่า อาจต้องใช้ระยะเวลาอีก 2 ปี หรือประมาณปลายปี 2565 หรือต้นปี 2566
อีกหนึ่งมาตรการที่รัฐพยายามจะฟื้นภาคการท่องเที่ยวจากคนประเทศเอง คือ มาตรการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ซึ่งสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช.เตรียมหารือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และธนาคารกรุงไทยวันที่ 15 มี.ค.นี้ เพื่อพยายามผลักดันให้มาตรการนี้ได้ไปต่อ หลัง ครม.ตีกลับมาให้ทบทวนรูปแบบ โดยเฉพาะประเด็นการป้องกันการ “ทุจริต” ซึ่งถูกตรวจพบในครั้งที่ผ่านมา เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นในภาวะที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤติ ทุกภาคส่วนกำลังช่วยกันฟื้นฟูเยียวยา แต่กลับมีคนบางกลุ่มคิดแต่จะ “ทุจริต” การหารือในวงนี้คงเน้นไปที่ “ระบบรองรับ” ถ้าออกแบบให้ป้องกันการทุจริตได้ โครงการนี้ก็อาจได้ไปต่อ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศ และหากวัคซีนพาสปอร์ตเกิดขึ้นได้ในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นหมายถึงเครื่องยนต์หลักเราจะกลับมากระหึ่ม และขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศให้เดินหน้าต่อได้ทันที
แหล่งข่าว ฟื้นการท่องเที่ยว ฟื้นเครื่องยนต์หลักประเทศ, Bangkokbiznews, 12 มี.ค. 2564