ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 29 ก.ย.64 ปิด 1,616.98 จุด บวก 0.48 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 93,119.73 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 1,111.97 ล้านบาท
หุ้นไทยแกว่งตัวทั้งในแดนบวกและลบ ตลาดถูกกดดันจาก Bond yield ของสหรัฐฯที่สูงขึ้น และหุ้น PTT ขึ้น XD กดดันดัชนี แต่ตลาดพยุงตัวได้จากแรงซื้อหุ้นเปิดเมือง ขณะที่ผลประชุม กนง.ที่ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นไปตามที่คาด
ทั้งนี้ บอร์ด กนง.มีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ตามตลาดคาด และคงคาดการณ์ GDP ปี 64 โต 0.7% และปี 65 โต 3.9% แต่ยังมีความไม่แน่นอนสูง
บล.เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์จากกรณีที่มีรายงานว่า ธปท. เตรียมออกมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยเพิ่มเติมช่วง ต.ค.64 ภายใต้โครงการรวมหนี้ (Debt consolidation) ระหว่างสถาบันการเงิน ซึ่งต่างจากมาตรการเดิมช่วงปีก่อนที่ให้รวมหนี้เฉพาะหนี้ภายในสถาบันการเงินเดียวกัน
โดยรายละเอียดของ Debt consolidation เปิดโอกาสให้ลูกหนี้ที่มีสินเชื่อไม่มีหลักประกัน อย่างบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล (P-Loan) ที่มีดอกเบี้ยสูง 16-25% ไปรวมกับสินเชื่อที่มีหลักประกันอย่างสินเชื่อบ้าน (ดอกเบี้ย MRR 5 ธ.พ.ใหญ่อยู่ที่ 5.9-6.2%) และสินเชื่อรถยนต์ (ดอกเบี้ยราว 5%) ทำให้ Credit Risk ลดลง จากการเปลี่ยนหนี้ที่ไม่มีหลักประกันให้มีหลักประกัน ส่งผลให้มูลหนี้ส่วนที่นำมารวมกับสินเชื่อที่มีหลักประกันมีภาระดอกเบี้ยจ่ายต่ำลง
โดย ธปท.คาดหวังดอกเบี้ยภายหลังรวมหนี้จะอยู่ในระดับไม่เกิน 10% ขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยงของลูกหนี้และดุลยพินิจของธนาคาร ทั้งนี้ ข้อมูล ณ สิ้น มิ.ย.64 ทั้งระบบมีมูลหนี้บัตรเครดิตราว 4 แสนล้านบาท แบ่งเป็นสถาบันการเงิน 2.4 แสนล้านบาท และ Non-Bank อีก 1.6 แสนล้านบาท ส่วนสินเชื่อบุคคลภายใต้การกำกับที่ไม่มีหลักประกันอยู่ที่ 4.6 แสนล้านบาท แบ่งเป็นธนาคาร 2.2 แสนล้านบาท และ Non-Bank อีก 2.4 แสนล้านบาท
เอเซียพลัสคงน้ำหนักหุ้นกลุ่มธนาคาร “เท่าตลาด” มองเศรษฐกิจปี 65 มีแนวโน้มดีกว่าปี 64 ย่อมหนุนคุณภาพสินทรัพย์ของแต่ละธนาคารดีขึ้น คาดเป็นบวกต่อ Credit Cost เลือก Top picks ตามเดิม
KBANK (FV ปี 64 ที่ 145 บาท) และ SCB (FV ปี 65 ที่ 136 บาท) จากการปรับตัวเข้าสู่ยุค Digital ค่อนข้างดี และ TISCO (FV ปี 65 ที่ 104 บาท) เพราะงบดุลแกร่งและคาดหมาย Div yield สูงสุดในกลุ่มฯ ราว 7-8%!!
แหล่งข่าว มองหุ้นแบงก์!!, ไทยรัฐ, 30 ก.ย. 2564
