พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ได้หารือกับคณะนักธุรกิจจากหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย ผ่านระบบการประชุมทางไกล โดยได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาล รวมทั้งแนวทางของคณะทำงานในทุกๆมิติ ซึ่งคณะนักธุรกิจก็มีความพึงพอใจและพร้อมที่จะสนับสนุนประเทศไทยในการดำเนินนโยบายด้านเศรษฐกิจ และหวังว่าจะมีการลงทุนเพิ่มมากขึ้นในปีหน้าและระยะต่อไป ทั้งเรื่องการประกอบการและดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม เช่นเดียวกับการลงทุนใหม่ๆ ให้เป็นไปตามวาระของโลก ทั้งการแก้ปัญหาโลกร้อน และนโยบายเศรษฐกิจบีซีจีโมเดล
“ได้กล่าวไปกับกลุ่มผู้เข้าร่วมประชุม ซึ่งทุกคนยอมรับและชื่นชมในแนวทางและวิสัยทัศน์ของประเทศไทยในการเดินหน้าประเทศ โดยกลุ่มนักธุรกิจของสหรัฐฯ มีธุรกิจขนาดใหญ่มีการลงทุนในประเทศไทยแล้วประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งก็รับว่าจะขยายการลงทุนในไทย จึงขอให้เน้นในเรื่องของพลังงาน ดิจิทัล เทคโนโลยี เรื่องการลงทุน การวิจัยและพัฒนา เรื่องสุขภาพการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการวิจัยพัฒนาโดยการใช้ประโยชน์จากความหลากหลายทางชีวภาพของไทย ซึ่งปัจจุบันได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องทั้งในพื้นที่อีอีซีและพื้นที่อื่นๆ มีนโยบายที่ได้กำหนดลงไปแล้ว”
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้มียอดขอรับการส่งเสริมการลงทุนดีขึ้น มากกว่าปีที่แล้ว 2 เท่า แสดงถึงความมั่นใจของภาคเอกชนที่เห็นถึงทิศทางและความพร้อมของประเทศไทย ทั้งเรื่องของการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ อุตสาหกรรมดิจิทัล และการสนับสนุนลดก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งรัฐบาลดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ทั้งด้านการคมนาคม ดิจิทัล ทั้งหมดจะเห็นผลในอีก 3- 5 ปีข้างหน้า ทำให้เกิดการเชื่อมต่อที่สมบูรณ์ และดึงดูดนักลงทุนตัดสินใจเข้ามาลงทุนมากขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยังได้แจ้งทางคณะนักธุรกิจด้วยว่า ปัจจุบันรัฐบาลได้มีการทบทวนและปรับปรุงกฎหมาย กฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ภาคเอกชน รวมทั้งการพัฒนาการให้บริการของภาครัฐโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเข้าถึงและขยายช่องทางการตลาดทั้งในและนอกประเทศ
แหล่งข่าว มะกันยาหอมเล็งลงทุนไทยบะละฮึ่ม, ไทยรัฐ, 19 พ.ย. 2564