กระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการดูแลประชาชนจากผลกระทบของโควิด-19 ระยะที่ 2 ซึ่งชุดมาตรการจะเริ่มใช้ในเดือน ก.ค.-ธ.ค.64 กรอบวงเงิน 140,000 ล้านบาท มั่นใจว่าเม็ดเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งจากรัฐบาล และประชาชนจะช่วยให้เศรษฐกิจในปี 64 ขยายตัวในกรอบ 1.5-2.5% สำหรับมาตรการที่เสนอ มี 4 โครงการ ได้แก่ 1.มาตรการคนละครึ่งระยะที่ 3 วงเงิน 93,000 ล้านบาท 2.โครงการยิ่งใช้ยิ่งได้ คาดจะมีผู้เข้าร่วม 4 ล้านคน โดยรัฐสนับสนุนบัตรกำนัลอิเล็กทรอนิกส์ (e-Voucher) ให้แก่ผู้ที่ได้รับสิทธิโครงการสูงสุดไม่เกิน 7,000 บาทต่อคน 3.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะที่ 3 โดยช่วยเหลือเพิ่มเติมเดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่เดือน ก.ค.-ธ.ค.64 และ 4.โครงการเพิ่มกำลังซื้อให้แก่ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษ รวมทั้งกลุ่มผู้พิการและผู้สูงอายุ 2.5 ล้านคน เดือนละ 200 บาท ระยะเวลา 6 เดือน
ส่วนการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชน ต้องขับเคลื่อนให้ลงทุนมากที่สุด โดยการลงทุนภาครัฐไม่น้อยกว่า 70% งบลงทุนเหลื่อมปีไม่น้อยกว่า 85% งบลงทุนรัฐวิสาหกิจไม่น้อยกว่า 70% ส่วนแผนงานและโครงการตามพระราชกำหนดฯ เงินกู้วงเงิน 1 ล้านล้านบาท ต้องให้เบิกจ่ายสะสม ณ สิ้นปีงบ 64 ไม่น้อยกว่า 80% ของวงเงินกู้ สำหรับการลงทุนภาคเอกชนดีขึ้นมาก โดยไตรมาส 1 ปีนี้ คำขอส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพิ่มขึ้นถึง 80% ในแง่ของมูลค่า เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยรัฐบาลจะผลักดันภาคเอกชนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนไปแล้ว ให้เร่งรัดลงทุนโดยเร็ว รวมทั้งชักจูงการลงทุนของอุตสาหกรรมเป้าหมายที่สำคัญต่อการเติบโตในอนาคต เช่น อุตสาหกรรมทางการแพทย์ รถยนต์ไฟฟ้า เป็นต้น
แหล่งข่าว มาแล้ว แพ็กเกจกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐจัดหนักทุ่ม 1.4 แสนล้านดันจีดีพีโต 1.5%, ไทยรัฐ, 01 มิ.ย. 2564