ชัดเจนแล้วว่าเฟดยังคงยืนกรานที่จะใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวด และรวมไปถึงธนาคารกลางอื่นๆ
ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นกลับลงมาทดสอบจุดต่ำสุดของปีอีกครั้ง (ซึ่งเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ของ Julius Baer Group Co., Ltd (จูเลียสแบร์) เคยคาดการณ์ไว้) ทำให้นับเป็นการปรับตัวลงจากจุดสูงสุดของราคาสินทรัพย์หรือราคาหุ้นที่มากกว่า 20% หรือเข้าสู่ Bear Market เป็นครั้งที่ 2 ในปีนี้ โดยครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนมิ.ย.
โดยปกติภาวะ Bear market หรือการปรับตัวลงของราคาสินทรัพย์หรือราคาหุ้นจากจุดสูงสุดที่มากกว่า 20% เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย โดยในช่วง 70 ปีที่ผ่านมาดัชนีหุ้นสหรัฐฯ S&P500 เข้าสู่ภาวะ Bear Market ทั้งสิ้น 11 ครั้ง ก่อนที่จะกลับไปทำจุดสูงสุดใหม่ได้อีกครั้ง
ขณะที่ภาวะ Bear Market ที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆ นั้นจะเรียกว่า “Cyclical Bear Market” ซึ่งการจะประเมินว่าภาวะตลาดนั้นอยู่ในภาวะตลาดหมีแบบใดนั้นเราสามารถดูจากการฟื้นตัวของตลาดซึ่งมักจะเกิดสิ่งที่เรียกว่า “Bear Market Rally” ที่ตลาดหุ้นมีการฟื้นตัวที่เร็วและแรงในระยะเวลาสั้นๆ โดยหลังจากที่ตลาดหุ้นเข้าสู่ภาวะ Bear Market ค่าเฉลี่ยของการฟื้นตัวจะอยู่ที่ประมาณ 12%
โดยใช้เวลามากกว่า 2 เดือน ก่อนที่ตลาดหุ้นจะปรับตัวลงไปทดสอบจุดต่ำสุดก่อนหน้า ถ้าตลาดหุ้นสามารถกลับมาฟื้นได้อีกครั้งจะเป็นสัญญานที่บอกว่าเป็น Cyclical Bear Market ซึ่งมีโอกาสที่จะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ในอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นกว่าเดิม แต่ในทางตรงกันข้ามก็จะหมายถึงตลาดที่เป็นขาลงต่อเนื่อง และเรียกว่า Secular Bear Market ดังนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จะเป็นจุดสำคัญที่อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนแนวโน้มของตลาดการเงินได้เลย
ทั้งนี้ในมุมมองการลงทุนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เรายังคาดว่านักลงทุนยังคงให้ความสำคัญกับตัวเลขเงินเฟ้อและการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ที่ผ่านมาตลาดได้คาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในมุมมองของจูเลียสแบร์นั้นยังคงคาดการณ์ว่าเฟดน่าจะลดความ Hawkish ลง
นอกจากนี้ถ้าในระยะสั้นตัวเลขเงินเฟ้อเริ่มออกมาดีกว่าคาด (ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง) และมีการยุติการรบในยูเครนจะเป็น 2 ปัจจัยหลักที่อาจจะทำให้ตลาดการเงินมีการกลับตัวและปรับตัวสูงขึ้นได้ทันที อย่างไรก็ตามถ้าสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยทางเทคนิค พันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งปีนี้ราคาปรับตัวลงอย่างมาก จากอัตราผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น พันธบัตรสหรัฐอาจจะกลับมา outperform ได้
แต่ถ้าเฟดสามารถจัดการเงินเฟ้อโดยหลีกเลี่ยงการถดถอยของเศรษฐกิจได้ก็จะเป็นเรื่องที่ดี ดังนั้นจนกว่าเราจะเห็นความชัดเจนในประเด็นเหล่านี้ เรายังคงแนะนำให้นักลงทุนระมัดระวัง และมีการป้องกันความเสี่ยงไว้เช่นเดิมและเตรียมตัวปรับพอร์ตหรือเข้าลงทุนในช่วงที่ตลาดอ่อนตัวเพื่อปรับพอร์ตสำหรับปี 2023
ซึ่งเรายังคาดหวังว่าภาวะ Bear Market ที่เกิดขึ้นในปีนี้นั้นจะไม่ลากยาวไปถึงปีหน้า ทั้งนี้การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ที่สนใจจะลงทุนควรติดต่อเพื่อสอบถามและรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่านเพื่อศึกษารายละเอียดและเฟ้นหาการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน
แหล่งข่าว มุมมองการลงทุนไตรมาส 4 – Look for lows, but stay open-minded, bangkokbiznews, 03 ต.ค. 2565