ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 2 ก.ค.64 ปิดที่ 1,578.49 จุด ลดลง 15.26 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 80,922.70 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 4,155.03 ล้านบาท
บล.ทรีนีตี้ ประเมินทิศทางตลาดหุ้นเดือน ก.ค. ต้นไตรมาส 3 ว่าดัชนีแกว่งตัว Sideways ประเมินกรอบดัชนีไว้ที่ 1,550-1,650 จุด โดยปัจจัยที่กระทบการลงทุน เดือน ก.ค.ยังคงให้น้ำหนักกับวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีการแพร่ระบาดของสายพันธุ์ต่างๆทั่วโลก นำไปสู่ความกังวลต่อประสิทธิผลของวัคซีน ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆทั่วโลก คาดยังไม่มีข่าวร้ายออกมาเดือนนี้ ซึ่งจะทำให้สภาพคล่องในตลาดมีแนวโน้มอยู่ในเกณฑ์ดีต่อไป
ทรีนีตี้ แนะจัดสรรพอร์ตลงทุน ให้เน้นหุ้น Growth มากกว่า Value เพราะมีโอกาสสูงที่จะ Outperform ตลาด จากเหตุผลดังนี้ 1.เป็นหุ้นกลุ่มทนทานและได้ประโยชน์โควิด-19 ที่ยังคงรุนแรง 2.กลุ่มที่ได้ประโยชน์จาก Bond yield ระยะยาวที่ทรงตัวต่ำ จากความกังวลอัตราเงินเฟ้อผ่อนคลายลง และประเด็น QE Tapering ที่ยังไม่น่าจะถูกส่งสัญญาณออกมาในเดือนนี้ 3.หุ้นกลุ่มที่มัก Outperform ในช่วงที่ความชัน Yield curve อยู่ในระดับต่ำ
นอกจากนี้ หุ้น Growth จะมีอัตราการเติบโตของกำไรแข็งแกร่งเป็นพิเศษ โดยให้เลือกหุ้นที่ทนทานโควิดในประเทศ มีดังนี้คือ กลุ่มส่งออก ที่ส่วนใหญ่กำไรไตรมาส 2 อยู่ในเกณฑ์ดีได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท และพฤติกรรม WFH ในต่างประเทศ โดยมีหุ้นให้เลือก คือ KCE, TFG, ASIAN, SUN, XO
กลุ่มโลจิสติกส์ แนะ LEO ราคาปัจจุบันต่ำกว่าเป้าหมายที่ทรีนีตี้ให้ไว้ และหุ้น WICE ในฐานะผู้เล่นที่มีสัดส่วนธุรกิจขนส่งทางอากาศและทางทะเลใกล้เคียงกัน รวมถึงหุ้น SONIC มี Valuation น่าสนใจที่สุด ขณะที่กลุ่ม Packaging ได้ประโยชน์จากการสั่งสินค้าออนไลน์ และ Delivery รวมถึง ได้ประโยชน์จากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง เลือก SCGP, SFT, SFLEX, UTP
นอกจากนี้ยังให้ติดหุ้นกลุ่ม Value เพิ่มเล็กน้อยเนื่องจาก นักลงทุนอาจมีความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อการเปิดเมือง/เปิดประเทศ หากโควิด–19 ดีขึ้น ชอบหุ้น Value ที่ไม่ได้อิงราคาโภคภัณฑ์ เช่น กลุ่มสถาบันการเงินน่าสนใจ จากการที่ Valuation ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำมากแล้ว แนะหุ้น KBANK, MTC และ BAM!!
แหล่งข่าว มุมมองทรีนีตี้!!, ไทยรัฐ, 03 ก.ค. 2564