ดัชนีหุ้นไทยวันที่ 21 ก.ย.64 ปิดที่ 1,614.86 จุด เพิ่มขึ้น 11.80 จุด มีมูลค่าซื้อขาย 83,910.37 ล้านบาท ต่างชาติซื้อสุทธิ 684.34 ล้านบาท
บล.เอเซียพลัส ให้ความเห็นกรณีตลาดหลักทรัพย์ฯกำลังทบทวนวิธีคัดเลือกหุ้นเข้ามาใน Tradable Index อาทิ ดัชนี SET50, SET100 เป็นต้น เพื่อให้ดัชนีสะท้อนการลงทุนได้อย่างเหมาะสม ลดความผันผวนจากหุ้นสภาพคล่องต่ำ และสอดคล้องกับหลักสากล คาดจะมีผลบังคับใช้ได้เร็วสุดรอบ ธ.ค.64
เบื้องต้นมีแนวคิดเพิ่มเกณฑ์พิจารณาดังนี้ 1. เชิงปริมาณ (Quantitative) ปรับใช้วิธี Free Float Adjusted Market Cap. เพื่อให้น้ำหนักของหุ้นในดัชนีสะท้อนความสามารถในการลงทุนได้เหมาะสม
2.เชิงคุณภาพ (Qualitative) ไม่นำช่วงเดือนที่หุ้นนั้นๆติด Cash Balance หรือ Turnover List มาคำนวณเกณฑ์สภาพคล่อง เพื่อสะท้อนมูลค่าซื้อขายตามปกติได้ดี
วิเคราะห์ผลดีผลเสีย โดยดูการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักใน Sector ต่างๆ อิงตามวิธี Free Float Adjusted Market Cap. พบว่า มีการลดหรือเพิ่มน้ำหนักดัชนีราว 11% กลุ่มที่ถูกเพิ่มน้ำหนักมากสุด คือ กลุ่ม BANK ถูกเพิ่มน้ำหนัก 5.6% จาก 9.3% ไปเป็น 14.8% ตามด้วย CONMAT เพิ่มขึ้น 1.5%, PROP เพิ่มขึ้น 1.4% ฯลฯ จากนั้นคำนวณหาหุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มหรือลดน้ำหนัก โดยหุ้นที่ถูกเพิ่มน้ำหนักเบื้องต้นคือ หุ้นที่มี Free Float สูงเกินค่าเฉลี่ย 46.3% ในทางกลับกันถ้าน้อยกว่าจะถูกลดน้ำหนักลง
คาดจะมีหุ้นที่เข้าคำนวณดัชนี SET50 ในรอบถัดไปถ้าตลาดฯปรับมาใช้วิธี Free Float Adjusted Market Cap. คือ BANPU, KKP ในทางกลับกันหุ้นที่มีโอกาสออกจาก SET50 คือ GLOBAL, DTAC
ขณะที่ วิเคราะห์การปรับดัชนีเชิงคุณภาพพบว่า มีหุ้นใน SET100 ติด Cash Balance 8 หุ้น ในช่วงเวลาที่ใช้คำนวณดัชนี และมี 1 หุ้น คือ DELTA ที่ติด Cash Balance มากว่า 7 เดือนในรอบการคำนวณ จึงเหลือเดือนที่ใช้คำนวณเกณฑ์สภาพคล่องเพียง 5 เดือน ไม่เพียงพอกับเกณฑ์ขั้นต่ำที่ตลาดกำหนด คือ 6 ใน 12 เดือน ทำให้ DELTA มีโอกาสหลุดทั้ง SET50 และ SET100
สรุป หากตลาดฯปรับมาใช้วิธีการคัดเลือกหุ้นเข้าดัชนีดังกล่าว น่าจะทำให้เกิดความผันผวนบ้างช่วงสั้น จากการปรับน้ำหนักพอร์ตให้สอดคล้องกับดัชนี แต่จะสร้างเสถียรภาพและสะท้อนความเป็นจริงได้มากขึ้นในระยะถัดไป แนะลงทุนหุ้นที่มีโอกาสถูกเพิ่มน้ำหนักลำดับต้นๆ รวมทั้งแนะนำหุ้น KBANK, CPALL และ TU
แหล่งข่าว มุมมองเอเซียพลัส!!, ไทยรัฐ, 22 ก.ย. 2564