หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 142.50 บาท ลบ 3.50 บาท, EA ปิด 99 บาท ลบ 0.25 บาท, PTT ปิด 38 บาท ลบ 1 บาท, KCE ปิด 84.00 บาท ลบ 4.50 บาท, CPF ปิด 26.75 บาท บวก 0.25 บาท
“สุกิจ อุดมศิริกุล” กรรมการผู้จัดการ Chief Research Officer บล.ไทยพาณิชย์ มองแนวโน้มและกลยุทธ์การลงทุนปี 65 ว่า ประเมินเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปี 65 อิงปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ระดับ 1,660 จุด คาดว่าจะมีกรอบเคลื่อนไหวที่บริเวณ 1,550-1,750 จุด
โดยผลตอบแทนของ SET Index ปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 5-8% แบ่งเป็นผลตอบแทนที่เกิดจากตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นราว 5% และอีก 3% เมื่อรวมกับเงินปันผล โดยมองว่ากลุ่มอุตสาหกรรมที่โดดเด่นในปีนี้คือ กลุ่มพาณิชย์, สื่อสาร, ประกันภัย, ยานยนต์ และกลุ่มธนาคาร (แบงก์)
ขณะที่มองแนวโน้มเศรษฐกิจไทยว่า มองเป็นบวกอย่างระมัดระวังเพราะคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวกลับมาเติบโต 3.6-4.0% จากที่หดตัวลง 6.1% ในปี 63 และเติบโต 1.0% ในปี 64 พร้อมคาดว่าการส่งออกปี 65 จะเติบโต 2%
ด้านกำไรของบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 6% จากปีก่อน เนื่องจากได้รับแรงหนุนจาก GDP ที่ขยายตัวโดยผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียน มีโอกาสเติบโตใกล้ 0% หากแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต้องเลื่อน เวลาออกไป รวมถึงรัฐบาลกลับมาคุมเข้มกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ
แต่การระบาดรอบใหม่ของ COVID-19 สายพันธุ์โอมิครอนเป็นความเสี่ยงที่อาจทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจไม่เป็นไปตามที่คาดได้ โดยกรณีเลวร้ายสุด หากไม่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโอมิครอนได้ อาจส่งผลให้อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยลดลงเหลือ 2.9%
บล.ไทยพาณิชย์ แนะกลยุทธ์การลงทุนปีนี้ ให้เน้นเลือกหุ้นเติบโตที่ราคาสมเหตุสมผล โดยคัดหุ้นเด่นที่น่าสนใจ 10 บริษัท แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ 1.หุ้นที่คาดว่าผลการดำเนินงานจะกลับมาเติบโตได้ดีตามวัฏจักรเศรษฐกิจและการเปิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้น ได้แก่ KBANK, AMATA, ZEN, LH และ GULF
2.หุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดด ได้รับประโยชน์ จากเทรนด์การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจของโลกยุคใหม่ ได้แก่ DELTA, ADVANC, ONEE, SECURE และ XPG!!
แหล่งข่าว มุมมองไทยพาณิชย์!!, ไทยรัฐ, 07 ม.ค. 2565