ย้อนรอย "หุ้นไทย" เด้งแรง หลังวิกฤตความขัดแย้งยุติ

WealthUp

Moderator
Staff member
Optimized-13.jpg

สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนสร้างความหวั่นวิตกไปทั้งโลก หลังรัสเซียตัดสินใจเปิดฉากบุกโจมตียูเครนในทุกทิศทางตั้งแต่ช่วงเช้าวันพฤหัสบดี (24 ก.พ.) ตามเวลาประเทศไทย ถือเป็นการใช้กำลังทางทหารที่รุนแรงที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2

โดยรัสเซียพุ่งเป้าโจมตีไปยังเขตพื้นที่กองทัพของยูเครน และใช้เวลาไม่นานก็สามารถทำลายระบบป้องกันภัยทางอากาศและเข้ายึดหลายพื้นที่ของยูเครนได้สำเร็จ

เหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นส่งผลให้ตลาดสินทรัพย์เสี่ยงทั่วโลกดิ่งหนักทันที ตั้งแต่ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ออกแถลงการณ์ทางโทรทัศน์สั่งเริ่มปฏิบัติการทางทหารในยูเครน โดยอ้างเหตุผลเพื่อปกป้องกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออก

กดดันตลาดหุ้นทั่วโลก รวมทั้งคริปโทเคอร์เรนซี ถูกเทขายยกกระดาน หลังนักลงทุนหนีตายหันไปซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยอย่างทองคำเพื่อป้องกันความเสี่ยง ส่งผลให้ราคาทองพุ่งกระฉูด

แต่เพียงแค่ข้ามคืนหลังมีข่าวว่า ผู้นำยูเครนส่งสัญญาณจ่อยกธงขาว ต้องการเจรจาสันติภาพ เพื่อยุติความรุนแรงที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่ต้องการให้ประเทศและประชาชนได้รับผลกระทบไปมากกว่านี้

ประกอบกับพันธมิตรชาติตะวันตกที่ประกาศจุดยืดชัดเจนไม่ส่งทหารเข้าไปช่วยยูเครน ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าสถานการณ์รุนแรงน่าจะยุติในไม่ช้า

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุว่า ทีมกลยุทธ์ได้วิเคราะห์ผลกระทบของประเด็นความขัดแย้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ในอดีตต่อตลาดหุ้นไทย ค่าเงินบาท พบว่านับตั้งแต่ปี 2533 ถึงปัจจุบันเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบทั้งหมด 7 ครั้ง โดย SET Index ใช้เวลาปรับฐานเฉลี่ย 26 วัน ราว -5.83%

โดยครั้งที่ตลาดปรับฐานแรง มักจะเกิดในตอนที่สหรัฐถูกจู่โจม -12.67% ถึง -18% ส่วนช่วงที่เกิดสงครามในกลุ่มผู้ผลิตน้ำมันกระทบตลาดเฉลี่ยราว -4%

ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครนในครั้งนี้ คาดตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัวเชิงลบ แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการยกระดับมาตรการของชาติพันธมิตร โดย SET น่าจะแกว่งในกรอบ 1,650-1,667 จุด (กรอบการปรับฐาน +/-4% ใกล้ค่าเฉลี่ยสงครามในกลุ่มผู้ผลิตน้ำามัน)

สิ่งที่นักลงทุนควรประเมิน คือ หลังตลาดตอบรับความเสี่ยงด้านสงครามแล้วเสร็จ ตลาดหุ้นไทยจะฟื้นตัวโดยให้ผลตอบแทน 1-3 เดือนหลังจากนั้น 8.12% ถึง 16.32% ถือเป็นผลตอบแทนที่น่าสนใจ

ดังนั้นจังหวะที่ตลาดปรับฐานในกรอบข้างต้น เป็นจังหวะให้ทยอยสะสมหุ้น Domestic เพื่อระยะกลางถึงยาว รับกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย แนะนำ KBANK, SCB, CPALL, MAKRO, AP, SC, ADVANC, GPSC, BDMS, TIDLOR, BEM

แหล่งข่าว ย้อนรอย "หุ้นไทย" เด้งแรง หลังวิกฤตความขัดแย้งยุติ, bangkokbiznews, 27 ก.พ. 2565
 

Members online

No members online now.

Forum statistics

Threads
12,180
Messages
12,435
Members
319
Latest member
SEO01

สนับสนุนโดย

Top