นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานการเปิดโครงการ “Partner ship Action on Green Economy” ว่า ไทยให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสีเขียวที่สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ และได้ดำเนินการในเรื่องนี้มาตั้งแต่ปี 2560 มีการลงทุนในเรื่องที่เกี่ยวข้องไปกว่า 640,000 ล้านบาท และมีการขับเคลื่อนเรื่องนี้ในหลายระดับตั้งแต่ระดับชุมชน เอสเอ็มอี ไปจนถึงโครงการขนาดใหญ่ในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งรวมถึงการผลักดันและส่งเสริมการใช้และผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในประเทศ
รองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลมีการออกมาตรการจูงใจ รวมทั้งการลดภาษีสรรพสามิตก็ทำให้ประเทศไทยก้าวขึ้นสู่ประเทศชั้นนำของรถ EV ประเทศหนึ่งของโลก โดยในปีนี้มียอดจองรถ EV รวมแล้วกว่า 15,000 คัน โดยเมื่อมียอดจองรถ EV มากขึ้น ขั้นต่อไปคือการผลักดันการผลิตในประเทศให้เร็วขึ้นเบื้องต้นต้องพยายามให้มีการผลิตรถ EV ในประเทศให้ได้ 10% ของยอดการผลิตรถยนต์ทั้งหมดของประเทศให้เร็วที่สุด โดยขณะนี้มีบริษัทผู้ผลิตรถ EV กว่า 5 บริษัทที่ตัดสินใจเข้ามาสร้างโรงงานในประเทศไทย ส่
นายสุพัฒนพงษ์ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเรื่องของการต่ออายุมาตรการลดภาษีสรรพสามิตดีเซลที่จะหมดอายุมาตรการในวันที่ 20 พ.ย.นี้ว่า มีความเป็นไปได้ที่กระทรวงการคลังจะเสนอต่ออายุมาตรการนี้เข้ามาในการประชุม ครม.วันที่ 15 พ.ย.นี้ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปกที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพ และน่าจะยังไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรหากการจัดเก็บรายได้ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย.
แหล่งข่าว รัฐบาลเปิดหวอลดภาษีดีเซลยาวไป, ไทยรัฐ, 11 พ.ย. 2565