เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 65 นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ผลกระทบกรณียูเครน และรัสเซียต่อหุ้นไทย หรือ SET Index นั้น บล.ทิสโก้ประเมินออกเป็น 3 กรณี คือ
1. กรณีสถานการณ์ปกติ ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 60% คือ สถานการณ์ยูเครน-รัสเซียยังคงอึมครึมต่อไปอีกเป็นเดือน โดยจะเห็นการประกาศคว่ำบาตรรัสเซียและความพยายามในการหารือร่วมกัน ทั้งนี้ คาดจะใช้เวลาเป็นเดือน แต่ในที่สุดจะหาทางออกร่วมกันได้ คาดดัชนีหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ 1,660-1,700 จุด โดยจะผันแปรไปตามกระแสข่าวของสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย
2. กรณีสถานการณ์ดี ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 30% คือ รัสเซียและชาติตะวันตกสามารถใช้การเจรจาหาข้อยุติได้ร่วมกันเร็วด้วยวิธีทางการทูต ไม่บานปลายเป็นสงครามข้ามชาติ คาดหุ้นไทยเคลื่อนไหวทะลุ 1,700 จุดอีกครั้ง และมีโอกาสจะขึ้นทดสอบ 1,720-1,730 จุด และ 1,750 จุด ตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากกระแสเงินทุนต่างชาติยังไหลเข้าต่อเนื่อง
3. กรณีสถานการณ์รุนแรง ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้น 10% คือ รัสเซียโจมตียูเครนเต็มรูปแบบ และ NATO กระโดดเข้าร่วมวงด้วย จนกลายเป็นสงครามของชาติมหาอำนาจคาดดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสเคลื่อนไหวต่ำกว่าระดับ 1,660 จุด อาจลงทดสอบบริเวณ 1,630-1,640 จุด เพื่อตั้งหลักใหม่
อย่างไรก็ตาม บล.ทิสโก้เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีทิศทางปรับขึ้นดีกว่าหุ้นโลก หรือ Outperform เนื่องจากไทยได้รับผลกระทบจำกัดจากสถานการณ์ตึงเครียดยูเครน-รัสเซีย จาก 2 ปัจจัย คือ
1. รัสเซียมีมูลค่าการค้า ทั้งการส่งออกและนำเข้าในปีที่แล้ว คิดเป็นสัดส่วนเพียง 0.52% ของมูลค่าการค้ารวมของไทย ขณะที่จำนวนนักท่องเที่ยวจากรัสเซีย คิดเป็นสัดส่วน 3.7% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดของไทยในปี 2562 เพื่อลดการบิดเบือนของตัวเลขจากผลกระทบการระบาด COVID-19
2. ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ตอบสนองด้วยการปรับตัวสูงขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบมากกว่า 7 ปีจากความกังวลดังกล่าว ส่งผลดีต่อหุ้นกลุ่มพลังงานและหุ้นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไทยมีน้ำหนักในหุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างสูง ช่วยพยุงตลาดไม่ปรับตัวลงมาก
แหล่งข่าว รัสเซีย-ยูเครน กระทบหุ้นไทย คาดเหตุการณ์ปกติให้กรอบดัชนีที่ 1,660-1,700 จุด, ไทยรัฐ, 02 มี.ค. 2565