หุ้นมูลค่าซื้อขายสูงสุด KBANK ปิด 144 บาท ลบ 0.50 บาท, TKC ปิด 29.50 บาท ลบ 0.50 บาท, GULF ปิด 50.50 บาท ลบ 1.50 บาท, GUNKUL ปิด 6.70 บาท บวก 0.55 บาท, BBL ปิด 131 บาท บวก 1.50 บาท
หุ้นไทยปรับตัวลงแรงตามตลาดหุ้นโลก หลังกังวล บอนด์ ยีลด์ สหรัฐฯที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้เกิดแรงขายทำกำไรหุ้นใหญ่ที่ปรับขึ้นแรงก่อนหน้านี้ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติกลับมาขายสุทธิต่อเนื่อง
บล.เอเซียพลัสระบุ ตลาดหุ้นขาดปัจจัยหนุนช่วงสั้นๆ ขณะที่จีนรายงานดัชนีเศรษฐกิจสำคัญงวด 4Q64 เช่น GDP Growth ส่วนใหญ่ดีกว่าตลาดคาด แม้ดัชนีเศรษฐกิจจะดีกว่าคาด
แต่เป็นที่สังเกตว่า GDP Growth จีนไตรมาสล่าสุด ขยายตัวในอัตราที่ชะลอชัดเจน
ส่วนหนึ่งอาจเป็นผลจากนโยบาย Zero COVID ของจีน ที่ต้องการให้จำนวนผู้ติดเชื้อเป็น 0 ส่งผลให้มีการควบคุมกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เข้มงวด และปี 64 ทางการจีนมีแนวทางการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ลดการใช้พลังงาน อาทิ ลดการใช้ไฟ คาดเป็นปัจจัยกดดันการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
ส่งผลให้จีนเดินหน้าใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป โดยเฉพาะนโยบายการเงินผ่อนคลาย สวนทางกระแสโลก โดยจีนปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง 1 ปีลงจาก 2.95% เหลือ 2.85% ในเดือน ม.ค.65 นับเป็นการลดครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน เม.ย.63
ภาพรวมเศรษฐกิจจีนส่งผลให้ต้องติดตามภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทย โดยเฉพาะการส่งออกเดือน ธ.ค.64 แม้ Consensus จะยังไม่มีประมาณการ แต่ถ้าพิจารณาจากการนำเข้าของจีนเดือน ธ.ค.64 ที่พบว่าอ่อนตัวลงบ้าง บ่งบอกว่าการส่งออกของไทยมีโอกาสอ่อนตัวลงตามไปด้วย
ส่วนกระแสเก็งกำไรหุ้นไทยที่ประกาศเข้าไปเกี่ยวข้องกับธุรกิจ Cryptocurrency ยังมีต่อเนื่อง อาทิ CGH, TNITY, UOBKH, GBX นับตั้งแต่ต้นปีปรับขึ้นราว 40-70% ล่าสุด GULF ประกาศลงนามบันทึกความร่วมมือกับกลุ่ม Binance ถือเป็น sentiment เชิงบวกในระยะยาว น่าจะดีต่อราคาหุ้น แต่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และยังไม่ได้มีการลงทุนใดๆ ถือว่าต้องใช้เวลา และยังไม่ได้สร้างมูลค่าเพิ่มในปัจจุบัน!!
แหล่งข่าว ลงตามหุ้นโลก!!, ไทยรัฐ, 19 ม.ค. 2565
